มหาวิทยาลัยหอการไทยชี้ ส่งออกไทยได้อานิสงส์หากเกิดสงครามการค้าจีน -สหรัฐ สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงสุดกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการที่สหรัฐ และจีนขึ้นภาษีสินค้าระหว่างกัน ส่งผลให้การค้าของทั้ง 2 ประเทศลดลง ทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปทั้งสหรัฐ และจีนเพิ่มขึ้นราว 8,500-21,300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.06-0.16% ของจีดีพี ซึ่งทดแทนการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ลดลง
ผลในทางบวกนั้น แยกเป็นกรณีที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าจากสินค้าจีน จะทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้มากขึ้น ทดแทนสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐลดลง เช่น สินค้าเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนกรณีที่จีนขึ้นภาษีนำเข้าจากสินค้าสหรัฐจะทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้มากขึ้น โดยเฉพาะข้าวสาลี ข้าวโพด รถยนต์ และพลาสติก ทดแทนสินค้าสหรัฐที่ส่งออกไปจีนลดลง
สำหรับผลกระทบในทางลบต่อไทยจากการเป็นห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐ และจีนนั้น อาจจะทำให้ไทยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ และจีนลดลง 466-1,165 ล้านบาท หรือราว 0.003-0.009% ของจีดีพีเนื่องจากไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของทั้ง 2 ประเทศ
“ไทยได้รับผลกระทบในทางลบในส่วนนี้ไม่มากนัก เนื่องจากสหรัฐพึ่งพาวัตถุดิบจากไทยเพียง 0.1% ของมูลค่าการผลิตรวม ส่วนจีนพึ่งพาวัตถุดิบจากไทยเพียง 0.2% ของมูลค่าการผลิตรวม”
อย่างไรก็ดี คาดว่าอาจยังมีผลกระทบต่อไทยในแง่ที่สินค้าจากสหรัฐ และสินค้าจีนที่ค้าขายกันลดลงนั้น จะถูกส่งมาจำหน่ายในไทย ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 6,050-15,120 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 0.04-0.11% ของจีดีพี โดยสินค้าจากจีน ที่อาจจะเข้ามาจำหน่ายในไทยมากขึ้น เช่น เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมา คือ อะลูมิเนียม รถยนต์และชิ้นส่วน และเหล็ก
ในขณะที่สินค้าจากสหรัฐ ที่อาจจะเข้ามาจำหน่ายในไทยมากขึ้น เช่น สินค้าประเภทถั่วเหลือง และพืชน้ำมัน รองลงมาคือ เครื่องบินและชิ้นส่วน รถยนต์และชิ้นส่วน
“หากประเมินในภาพรวมแล้ว จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน จะส่งผลให้ไทยมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 8,072-20,180 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.10-0.25% ของมูลค่าการส่งออกของไทย เป็นส่งออกทั้งปีโตได้ 7.1-7.25% โดยไทยจะมีจีดีพีเพิ่มขึ้นราว 2,020-5,050 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.01-0.04% ของจีดีพีของไทย”
พร้อมกันนี้ ได้มีข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาลใน 3 ข้อ คือ 1.ต้องมีการสร้างห่วงโซ่การผลิตของจีนกับสหรัฐให้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 2.สร้างความร่วมมือทางการค้ากับสหรัฐ เช่น เอฟทีเอไทย-สหรัฐ ภายใต้ผลประโยชน์ของประเทศ และ 3. ผลักดันความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (อาร์เซป) หรือ อาเซียนบวก6 ให้เป็นรูปธรรม
