นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่น สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้ใช้เกณฑ์ราคา Euro IV เป็นฐาน เนื่องจากสามารถสะท้อนสภาวะการแข่งขันในตลาดสากลได้ใกล้เคียงตามความเป็นจริงได้มากกว่า และหากเปรียบเทียบราคา ณ โรงกลั่น ของวันนี้ (20 เมษายน 2561) ที่คํานวณตามวิธีเดิม (ใช้ Euro lll เป็นฐาน) กับตามวิธีใหม่ (ใช้ Euro IV เป็นฐาน) แล้วจะส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่น สําหรับน้ำมันดีเซลลดลง 41 สตางค์ต่อลิตร แก๊สโซฮอล 91 (E10) ลดลง 61 สตางค์ต่อลิตร
เนื่องจากรายงานการศึกษาของสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปรียบเทียบการคำนวณราคา ณ โรงกลั่นสําหรับน้ำมันเชื้อเพลิง (ดีเซล เบนซิน และ แก๊สโซฮอล์) ระหว่างเกณฑ์ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งราคา FOB สิงคโปร์ สําหรับเกรดน้ํามัน Euro III เป็นฐาน แล้วบวกด้วยค่าปรับปรุงคุณภาพให้เป็นเกรดน้ํามัน Euro IV ที่ใช้ในเมืองไทยและบวกด้วยค่าใช้จ่าย (เทียบเท่า) การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากสิงคโปร์กับการอ้างอิงราคา FOB สิงคโปร์ สำหรับเกรดน้ํามัน Euro IV เป็นฐาน แล้วบวกเฉพาะค่าใช้จ่าย (เทียบเท่า)
นอกจากนี้ กบง.ยังอนุมัติให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สําหรับน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล และดีเซลลง 15 สตางค์ต่อลิตร เป็นระยะเวลา 2 ปี ส่งผลให้ราคาขายส่งก่อนรวมค่าการตลาดและจัดจำหน่ายตามสถานีบริการ สามารถลดลงได้ 60-80 สตางค์ต่อลิตร
“การปรับโครงสร้างเกณฑ์การคํานวณส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในวันนี้ จะช่วยลดผลกระทบของการที่ราคาน้ํามันดิบในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นมากในช่วง 2-3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา ต่อผู้บริโภค เทียบเท่ากับราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น/ลดลง 3.00-4.00 เหรียญต่อบาร์เรล”
การปรับสูตรครั้งนี้ แม้จะอยู่ในช่วงราคาน้ำมันดิบตลาดโลกขาขึ้น แต่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ณ โรงกลั่น และราคาขายปลีกในประเทศลดลง เพื่อลดภาระผลกระทบต่อผู้บริโภคในช่วงราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับขึ้นได้
