“คิง เพาเวอร์” คว้าดิวตี้ฟรีสนามบินอู่ตะเภา ขณะ “เซ็นทรัล” คว้าสัญญาเชิงพาณิชย์ประเภทร้านค้า และบริการ ผู้บริหารอู่ตะเภาแถลงรายละเอียดพรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่กองทัพเรือ ประกาศขายทีโออาร์ เพื่อให้เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร จำนวน 2 สัญญา 2 กิจกรรม พื้นที่สินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) และสัญญาพื้นที่ร้านค้าปลีก ปรากฎว่าวันนี้ (13พ.ย.) ได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่ผ่านการประมูลแล้ว ปรากฏว่าในส่วนของ กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) บริษัทคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี เป็นผู้ชนะการประมูลไป
ขณะที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ประเภทร้านค้าและบริการ ทางบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ทางผู้บริหารสนามบินอู่ตะเภาจะมีการแถงรายละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พลเรือตรีลือชัย ศรีเอี่ยมกูล ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระบุว่าแต่ละกิจกรรมจะเป็นสัญญาเดียว มีอายุสัญญา 10 ปี โดยการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ครั้งนี้ สนามบินอู่ตะเภาจะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือน จากการประกอบกิจการในอัตราไม่ต่ำกว่า 12% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย หรือตามจำนวนเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือน
สำหรับผู้ที่ซื้อซองประมูลก่อนหน้านี้ประกอบด้วย
1.กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) มีผู้ซื้อซอง 5 ราย คือ 1. คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี 2. เซ็นทรัล ดีเอฟเอส คอนซอร์เตี้ยม กิจการร่วมการงานระหว่างบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ 3. ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี (ประเทศไทย) 4. บางกอกแอร์เวย์ส โฮลดิ้ง และ 5. สรรพสินค้าเซ็นทรัล
2.กิจกรรมเชิงพาณิชย์ประเภทร้านค้าปลีก มีผู้ซื้อซอง 7 ราย ได้แก่ 1. บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด 2. เซ็นทรัล ดีเอฟเอส คอนซอร์เตี้ยม กิจการร่วมการงานระหว่างบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ 3.บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป 4.บริษัทซีเลค เซอร์วิส พาร์ทเนอร์ 5.บริษัทบางกอกแอร์เวย์ส โฮลดิ้ง 6.บริษัทสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำักด และ 7. บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 และศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามแผนการพัฒนาอู่ตะเภา บนพื้นที่ 6,500 ไร่ โดยระหว่างนี้ทางกองทัพเรือจะพัฒนาพื้นที่เดิมเพื่อรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตามแผนภายในต้นปี 2562 จะเปิดบริการอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท
