Economics

‘บางจาก’ ลงทุนบิ๊กล็อต 4 ปี 7.7 หมื่นล้าน

บางจาก ทุ่ม 7.7 หมื่นล้านบาทลงทุน 4 ปี 2562-2565  เน้น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก พุ่งเป้าปี 66  EBITDA เติบโต 2 เท่า มากกว่า 30,000 ล้านบาท

chai
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจใน 4 ปีข้างหน้า (2562-2565) ว่าบริษัทมีแผนลงทุน 77,000 ล้านบาท โดยคาดว่าการลงทุนส่วนใหญ่มากกว่า 50% จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ให้เติบโตขึ้น 2 เท่า ในปี 2566 คาดว่าจะมี EBITDA มากกว่า 30,000  ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตอย่างเท่าตัวอีกครั้งหนึ่งจากที่บริษัทเคยมี EBITDA มากกว่า 7,000 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มเป็น 14,000 ล้านบาทในปี 2560  สำหรับเป้าหมายสัดส่วน EBITDA ที่เพิ่มขึ้นจะมาจาก ธุรกิจหลักๆ คือ กลุ่มธุรกิจ ทรัพยากรธรรมชาติ 36% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 7%

สำหรับธุรกิจหลักที่จะก้าวไปใน 4 ปีข้างหน้านั้น มุ่งเน้นการขยาย ใน 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจโรงกลั่น และการค้าน้ำมัน ธุรกิจการตลาด ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ

1.ธุรกิจโรงกลั่น และการค้าน้ำมัน จากที่มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 120,000 บาร์เรลต่อวันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีแผนยกระดับเพิ่มกำลังการกลั่นให้ได้ถึง 135,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2563 ควบคู่กับการลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น YES-R Project และโครงการ 3E ประกอบด้วย Efficiency, Energy และ Environment Improvement รวมทั้งลดการใช้พลังงานเพื่อมุ่งมั่นเป็นโรงกลั่นสีเขียวที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

พร้อมขยายธุรกิจเทรดดิ้ง ทั้งการซื้อขายน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป เชื้อเพลิงชีวภาพ และแร่ลิเทียม ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นในอนาคต

194027

2.ธุรกิจการตลาด สถานีบริการน้ำมันของบางจากมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดสถานีบริการ Greenovative Experience ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2  ซึ่งใน 4 ปีข้างหน้านี้ ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 18 % และเพิ่มสัดส่วนรายได้ในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil)  และน้ำมันหล่อลื่น (Lube)  เป็น 30 %  ในปี 2565

3.ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ซึ่งมีกำลังการผลิตไบโอดีเซลและเอทานอลรวม 1.8 ล้านลิตรต่อวัน ถือเป็นธุรกิจและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะมีการจัดตั้งไบโอฮับ (Bio Hub)  ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายใต้ยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ทั้งด้านไบโอพลาสติก วัสดุชีวภาพ และโปรตีนชีวภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมชีวภาพ

4.ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ นั้นปัจจุบันบางจากถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ใน บริษัท Lithium Americas Corp. ซึ่งมีกำลังการผลิตในเฟสที่ 1 ปริมาณ 25,000 ตันต่อปี สามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 50,000 ตันต่อปี โดยบางจากได้รับสิทธิ์ในการจำหน่าย หรือนำไปป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมตามแผนการลงทุนของบริษัทรองรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งปริมาณแร่ลิเทียมดังกล่าว สามารถรองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้จำนวน 62,500 คันต่อปี

lit

นอกจากนี้ยังมุ่งขยายการลงทุนแหล่งปิโตรเลียม ทั้งก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน ที่บริหารโดยบริษัทชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประเทศนอร์เวย์ ที่บริษัทเข้าไปถือหุ้น 49% กำลังการผลิต 25,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะมี EBITDA จากการลงทุนเพิ่มขึ้น 11,000 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งแสวงหาแหล่งน้ำมันดิบและพลังงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องภายใต้บริษัทดังกล่าว คาดว่าการลงทุนใน OKEA จะมีความชัดเจนภายในเดือนธันวาคมนี้

ทางด้านธุรกิจไฟฟ้า วางเป้าหมายใน 4 ปีข้างหน้าจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ โดยเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วราว 380 เมกะวัตต์

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึง สถานการณ์พลังงานในระยะสั้น ช่วงปลายปีนี้ถึงปี 2562 คาดว่าทิศทางราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 4 ปี 2561 ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 70-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนค่าการกลั่น (GRM) คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาส 3 หรืออยู่ที่ราว 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ส่วนปี 2562 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยต้องติดตามสถานการณ์การคว่ำบาตรอิหร่าน รวมถึงกรณีที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) มีมติให้จำกัดกำมะถันในน้ำมันเตาของเรือเดินสมุทรไม่เกิน 0.5% จากระดับ 3.5% ในปัจจุบัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563

 

Avatar photo