ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (29 มี.ค.) ปรับตัวลดลง จากการที่บรรดาธนาคารรายใหญ่ ๆ ออกมาเตือน ถึงความเป็นไปได้ที่จะตกอยู่ในภาวะขาดทุน เพราะบรรดากองทุนบริหารความเสี่ยง หรือเฮดจ์ ฟันด์ อาจผิดนัดชำระมาร์จิ้น คอล (margin call)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,004.79 จุด ลดลง 68.09 จุด หรือ 0.21% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,954.41 จุด ปรับลง 20.13 จุด หรือ 0.51% และดัชนีแนสแด็กที่ 12,996.66 จุด ร่วงลง 142.07 จุด หรือ 1.08%
หุ้นกลุ่มธนาคารต่างร่วงลงในวันนี้ หลังเครดิตสวิสและโนมูระเปิดเผยว่า ทางธนาคารอาจเผชิญการขาดทุนมูลค่ามหาศาล หลังจากบริษัท Archegos Capital ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ของสหรัฐ ผิดนัดชำระการเพิ่มเงินประกัน หรือ มาร์จิ้น คอล
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงาน ดิ่งลงตามราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ที่ร่วงลงกว่า 1% ใกล้หลุดระดับ 60 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า การสัญจรในคลองสุเอซ กลับสู่ภาวะปกติแล้ว หลังปฏิบัติการกู้เรือ Ever Given ประสบความสำเร็จ
นักวิเคราะห์คาดว่า การซื้อขายจะมีความผันผวนในสัปดาห์นี้ ขณะที่บริษัทจำนวนมากทำการปรับพอร์ท ก่อนปิดงบการเงินประจำไตรมาส 1/2564
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาแผนการลงทุนด้านสาธารณูปโภควงเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยคาดว่า เขาจะเปิดเผยโครงการดังกล่าวในวันพุธนี้ (31 มี.ค.)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ (2 เม.ย.) กระทรวงแรงงานสหรัฐ จะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.2% ในเดือนที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 6.3%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘พาวเวล’ มั่นใจ ‘มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ’ ไม่ทำสหรัฐ เจอ ‘เงินเฟ้อ’ รุนแรง
- เฟดชี้ ‘การจ้างงาน’ ในสหรัฐยังไม่ฟื้น รอจนกว่าถึงปี 2023
- คาดเงินทะลักเอเชียในไตรมาส 2-3 จากมาตรการกระตุ้นสหรัฐ-ยุโรปออกฤทธิ์