General

‘ตรุษจีน 2564’ ทำยังไง ‘เสริมมงคล’ รับปีใหม่

วันตรุษจีน ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 12 กุมภาพันธ์นั้น  ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลายาว โรงเรียนสถาบันการศึกษาปิดเทอม เหลือเพียงแต่บางอาชีพที่ต้องทำหน้าที่พิเศษ ที่ไม่สามารถหยุดงานได้

ประวัติ “วันตรุษจีน”

วันตรุษจีน เป็นที่รู้จัก และจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มขึ้น 1 เดือน ก่อนวันตรุษจีน ผู้คนจะเริ่มซื้อของขวัญ  สิ่งของประดับบ้านเรือน  อาหาร และเสื้อผ้า

การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืน เป็นต้น

ที่มาของวันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืนผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ ในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า “วันตรุษจีน”

วันตรุษจีน

สิ่งที่ควรทำใน วันตรุษจีน

  • ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือคำอวยพรปีใหม่ ชาวจีนนิยมประดับป้ายคำอวยพร ซึ่งจะเขียนด้วยตัวอักษร 7 ตัว เป็นคำกลอน ส่วนมากจะอวยพรให้ทำมาค้าขึ้น มั่งมีเงินทอง โดยนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า “ชุก ยิบ เผ่ง อัง” ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย
  • กินเจมื้อเช้า เป็นมื้อแรกของปีใหม่ ในวันขึ้นปีใหม่จีน คนจีนจะกินเจมื้อแรกของปี เพราะเชื่อกันว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
  • เลือกใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส เปรียบได้กับเสริมความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยเฉพาะสีแดงเป็นสีที่เป็นมงคลและนิยมมากที่สุด
  • อวยพรผู้ใหญ่ ด้วยส้ม 4 ผล ตามประเพณีของชาวจีน ในวันตรุษจีนทุกคนจะนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ ซึ่งเจ้าของบ้านนั้นก็จะต้องรับส้มมา 2 ผล และนำส้มที่ตัวเองเตรียมไว้วางคืนลง 2 ผล พร้อมกับเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้ 1 พาน และสมอจีนไว้รับแขกที่มาอวยพรด้วย
  • รับอั่งเปา วันตรุษจีนเป็นวันที่จะได้รับซองแดง พร้อมเงินขวัญถุงจากผู้ใหญ่ เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี
  • รวมญาติกินเกี๊ยว วันตรุษจีนถือเป็นวันรวมญาติของชาวจีน โดยทุกคนจะเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวในวันซาจั๊บมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ ที่เป็น “เกี๊ยว” ก็เพราะว่าลักษณะของเกี๊ยวเหมือนกับเงินของจีน จึงมีความหมายว่า ให้มั่งมีเงินทอง

วันตรุษจีน

15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน

  • วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน
  • วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด
  • วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน
  • วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย
  • วันที่หก- วันที่สิบ ชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข
  • วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมา ชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ
  • วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์
  • วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้
  • วันที่สิบ – วันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น
  • วันที่สิบสาม ถือเป็นวันที่ควรทานข้าวธรรมดากับผักดอง  ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย หลังจากที่ทานอาหารอุดมไปด้วยความมันมาหลายวัน
  • วันที่สิบสี่ เป็นวันเตรียมงานฉลองโคมไฟ
  • วันที่สิบห้า คืนฉลองโคมไฟ

วันตรุษจีน

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม

เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อกันว่า หากร้องไห้ในวันปีใหม่ ก็จะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล  ทั้งบุคคลแรกที่พบ และคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปี ก็มีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดีธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อน เป็นการแสดงถึงความเป็นครอบครัวและเอกลักษณ์ของตน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo