ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (1-5 ก.พ.)ที่ 29.80-30.20 บาทต่อดอลลาร์ มีแนวโน้มแข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน
ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (3 ก.พ.) ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI และดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนม.ค. 64 ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค. 63
นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนม.ค. ของจีน ยูโรโซน อังกฤษ และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/63 ของยูโรโซน ด้วยเช่นกัน
เงินบาทกลับมาแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงต้น-กลางสัปดาห์เพื่อรอปัจจัยใหม่มากระตุ้น ก่อนจะขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากผลการประชุมเฟดที่มีมติคงดอกเบี้ยและวงเงิน QE ตามเดิม โดยไม่ได้ผ่อนคลายมาตรการใดๆ เพิ่มเติม แม้จะมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับตลาดกังวลว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจเผชิญอุปสรรคในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสภาคองเกรส
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค
ในวันศุกร์ (29 ม.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 29.92 เทียบกับระดับ 29.99 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 ม.ค.)
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- ค่าเงินบาทปี 2563 แข็งค่า 0.1% ท่ามกลางความปั่นป่วนเศรษฐกิจโลก
- คาดกนง.ประชุมครั้งแรกปีนี้ 3 ก.พ. คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%
- SCB EIC คาด ‘กนง.’ คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ยาวถึงสิ้นปี 2021