กุลิศ สมบัติศิริภาคพลังงานเป็นภาคหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่หลายคนคาดการณ์ได้ยาก ด้วยความล้ำหน้าของดิจิทัลที่กำลังผูกติดกับชีวิตของมนุษย์จนยากจะแยกขาดจากกันได้ รวมไปถึงแรงกดดันจากการเมืองในเวทีโลก และการเข้าสู่หมวดการเมืองร้อนแรงปลายรัฐบาล พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ช่วยปลดล็อกสร้างศักยภาพทีมเวิร์ก
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่ จึงกำลังไล่เรียงลำดับความสำคัญของงาน เขาบอกว่าสิ่งที่จะทำไปพร้อมกับการเดินหน้าตามแผนพลังงานก็คือการคอยแก้ปัญหาให้กับหน่วยงานและองค์กรในสังกัด โดยพร้อมจะทำหน้าที่เชื่อมประสานกับหน่วยงานภายนอก ในฐานะที่โลดแล่นในวงนอกพลังงานมากกว่า จึงเชื่อว่าจะทำหน้าทีนี้ได้ เพื่อปลดล็อกอุปสรรคปัญหาต่างๆที่เคยติดขัด ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น ภายใต้ทีมเดียวกัน เป็น “ทีมพลังงาน”
แน่นอนว่า การดูแลราคา “ดีเซล” เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ในระยะสั้นจะดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตามนโยบายที่ออกมาจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่เห็นชอบให้ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซล
ด้วยการขยายกรอบการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเป็น 1.5 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 85.5-87.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพื่อดูแลค่าครองชีพของประชาชนในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ โดยใช้เงินกองทุนฯที่มีอยู่ประมาณ 24,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะชดเชยไปจนถึงเดือนมีนาคม 2562
หนุน “ศิริ” ดันไบโอดีเซล
ขณะเดียวกัน เขาประกาศที่จะเดินหน้ารณรงค์รับลูกจากนายศิริ จิรพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรื่องการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 10 และบี 20 เพิ่มขึ้น ในส่วนบี 20 จะร่วมกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) อย่างต่อเนื่องในการเพิ่มระดับการใช้ และกำลังดึงตลาดใหญ่อย่างรถสาธารณะเข้ามาใช้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ผ่านบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งจะจับมือกันอย่างเป็นทางการในปลายเดือนนี้
ขณะที่ไบโอดีเซลบี 10 จะไปจับมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เพื่อขยายการใช้บี 10 ในเส้นทางอื่นเพิ่มเติมเป็นเครือข่ายไบโอดีเซลออกไปทั่วประเทศผ่านรางรถไฟ หลังนำร่องใช้ในเส้นทางสายบ้านแหลม-แม่กลอง ระยะทาง 30 กิโลเมตร เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนไบโอดีเซลบี 7 พลัส ที่มีส่วนผสมของบี 100 ในน้ำมันดีเซลมากกว่า 7% จะเจาะตลาดรถยนต์นั่ง โดยจะนัดหารือกับผู้ค้า ผู้ประกอบการ ค่ายรถยนต์เร็วๆนี้
เดินตามยุทธศาสตร์พลังงาน 5 ปี
ขณะเดียวกันนายกุลิศ มองระยะยาวขนานไปกับยุทธศาสตร์พลังงานระยะสั้น 5 ปี (ปี 2562-2566) ซึ่งเขาจะจัดลำดับความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยแต่ละปีที่จะไปสู่ปี 2566 จะมาจัดโครงการต่างๆใส่เข้าไปอะไรทำก่อนอะไรทำหลังว่ากันไปตามปี ทั้งเรื่องก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และ ไฟฟ้า
เบื้องต้นมีโครงการที่จะต้องบรรจุในแผน 5 ปี เพื่อเอาใจประชาชน เช่น การส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โซลาร์ภาคประชาชน โครงการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า(EV) ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานคาดการณ์ไว้แล้วว่ารถ EV จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังติดตามสถานการณ์การขยายตัวของการใช้อย่างใกล้ชิด
สำหรับปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่ เขาต้องการดูให้ครบเส้นทาง ตั้งแต่การส่งเสริมการผลิตในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกไปจำหนายในอาเซียนได้ รวมถึงการดูแลปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่จะมากับ EV โดยเฉพาะแบตเตอรี่
ส่วนก๊าซธรรมชาติจะสนับสนุนการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติตามแผน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามหลังให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทดสอบระบบการนำเข้า เพื่อนำมาสู่การปรับปรุงรายละเอียดการเปิดเสรีให้ปฏิบัติได้จริง
ขณะเดียวกันก็ไม่ตกยุคที่จะนำบิ๊กดาต้ามาใช้ โดยเอาเรื่องใกล้ตัวประชาชนก่อน เปิดแอพพลิเคชั่นให้ประชาชนสามารถสำหรับการตรวจสอบข้อมูลด้านพลังงานผ่านมือถือ มีสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เป็นโต้โผใหญ่ในเรื่องนี้
นายกุลิศ จะเป็นปลัดกระทรวงพลังงานที่น่าติดตาม และจดจำหรือไม่ ต้องตามดูการทำงานหลังจากนี้ว่าความรู้ความสามารถอย่างเขา จะนำพากิจการพลังงานของประเทศฝ่าด่านพายุทางการเมือง ทำให้เป็นอิสระจากการแทรกแซงทุกประการ ให้ยุทธศาสตร์ชาติด้านพลังงานเกิดประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศอย่างแท้จริง
SHARE
FOLLOW US
