COLUMNISTS

‘เลือกตั้งเสรี-เป็นธรรม’ ต้องเริ่มจาก ‘คสช.’

Avatar photo
1328

ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษากันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ.2561-2580

13012 49e64656d35a3f3952ebe59939b01b6b

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายกรัฐมนตรี ออกมาสำทับถึงบทบาทของยุทธศาสตร์ชาติว่า แผนการปฏิรูปจะมีความเชื่อมโยงกัน โดย 5 ปีแรกจะสำคัญที่สุด รัฐบาลหน้าต้องทำตามกรอบนี้แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังสืบทอดอำนาจ

แต่ในความเป็นจริงคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่คอยดูแลให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะมีบทบาทสำคัญตามพ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 ในการควบคุม และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดต่อ ๆ ไป

โดยบัญญัติเรื่องอำนาจไว้ในมาตรา 15 (3) เสนอความเห็นต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการตามยุทธศาตร์ชาติ และ (4) กำกับดูแลการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยแผน และขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ เท่ากับกรอบใหญ่ในการบริหารประเทศถูกล็อคไว้หมดแล้ว จนรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งแทบจะกระดิกตัวไม่ได้เลย

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือตัวคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่มีการแต่งตั้งไปแล้วมีคนของพรรคพลังประชารัฐที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นนั่งร้านให้พล.อ.ประยุทธ์ หวนคืนสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีถึง 5 คน

somkid 1
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ในสัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาทางใจของพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายพลเดช ปิ่นประทีป ผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ และในสัดส่วนของประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ คือ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ที่เปิดตัวร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐด้วย

คำถามที่ตามมาคือ เมื่อคนเหล่านี้แปรสภาพตัวเองเป็นผู้เล่นทางการเมืองแล้ว จะยังคงรั้งตำแหน่งกรรมการยุทธศาตร์ชาติ ที่มีอำนาจในการควบคุมการบริหารประเทศของรัฐบาลหลังเลือกตั้งได้ ถึงขนาดหากไม่ปฏิบัติตาม หรือทำนโยบายไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการชุดนี้ก็มีอำนาจชงเรื่องให้วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

หากพบว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็มีอำนาจส่งไม้ต่อไปยัง ป.ป.ช.ให้พิจารณา และลงมติภายใน 60 วัน แล้วส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ทันทีที่ศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้อง ครม.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และถ้าตัดสินว่าผิด นอกจากต้องพ้นจากตำแหน่งแล้ว ยังถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี โดยไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดไป รวมทั้งยังอาจถูกฟ้องพ่วงฐานทุจริตต่อหน้าที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอีกด้วย

บทพิสูจน์ ’สมคิด’ เข็น ’บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯคนนอก
อุตตม สาวนายน

วันนี้ 5 แกนนำพลังประชารัฐ นั่งแท่นเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะให้คุณให้โทษกับรัฐบาลหลังเลือกตั้งได้ ซึ่งเรายังไม่ทราบว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล สมควรหรือไม่ที่คนเหล่านี้จะสวมหมวกสองใบเป็นทั้งผู้เล่นและกรรมการด้วย

นี่ยังไม่นับรวมถึงอำนาจครม.หลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมีผล ซึ่งมีอำนาจเหนือรัฐบาลปกติ เพราะสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ โดยไม่ถูกจำกัดตามรัฐธรรมนูญ แถมยังมีมาตรา 44 ที่เคยใช้ปลด กกต.มาแล้ว การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะได้รับความเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าจะ “เสรีและเป็นธรรม”

พล.อ.ประยุทธ์ พร่ำพูดเสมอถึงการเมืองใหม่และการปฏิรูปการเมือง วันนี้ท่านสามารถเริ่มต้นการเมืองที่ดีได้ด้วยการให้คนเหล่านี้ลาออกจากกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสีย  และประกาศให้ชัดว่าเมื่อพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมา จะจำกัดอำนาจครม.เหมือนรัฐบาลปกติ ไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 อีก อย่างนี้จึงจะเป็นการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตยไปได้อย่างราบรื่น

แต่ถ้าไม่ทำยังคิดทำการเมืองใหม่ด้วยการเมืองแบบเก่า ประวัติศาสตร์ก็บันทึกไว้หลายครั้งว่า คนที่เริ่มต้นการเมืองแบบนั้นไม่เคยมีจุดจบทางการเมืองที่ดี