COLUMNISTS

สายสัมพันธ์ ‘ส.ส.VS สมาชิกพรรค’ เรื่องที่คสช.ไม่เคยรู้

Avatar photo
9

เส้นทางการเมืองภายใต้สถานการณ์พิเศษที่ปกครองโดยผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงผู้เดียว ไม่เพียงมีข้อจำกัดในเรื่องเสรีภาพทางการเมืองเท่านั้น

แต่ในยุคที่มาตรา 44 กลายเป็นคำตอบทุกเรื่องของผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ยังสร้างปมขัดแย้งใหม่เพิ่มเติมในสังคมไทย

ทั้งเรื่องการกำหนดนโยบายที่ฟังแต่นายทุนเมินเสียงประชาชน ไปจนถึงการออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 รีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองให้ต้องไปยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคภายในสามสิบวัน นับตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน ล้วนแต่เป็นสิ่งสะท้อนว่า คสช.ขาดความเข้าใจประชาชนโดยสิ้นเชิง

เกือบสองสัปดาห์ที่เปิดให้สมาชิกเข้ายืนยันตัวตน ในฐานะของคนที่ปวารณาตัวเข้ามาทำงานการเมือง และมีความใกล้ชิดกับประชาชนในฐานะทายาทของนักการเมืองมาโดยตลอด ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของสมาชิกเก่าแก่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เต็มไปด้วยความงุนงง สงสัย ว่า

1.ทำไมตัวเองเป็นสมาชิกพรรคอยู่แล้วจะต้องไปยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคอีก

2.ทำไมต้องจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคอีก ทั้ง ๆ ที่บางคนเคยจ่ายไปแล้วก่อนที่จะมีกฎหมายออกมาบังคับเสียอีก

3.ทำไมต้องเพิ่มภาระสร้างความยุ่งยาก และละเมิดสิทธิประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรค ทั้ง ๆ ที่เขาอยู่เฉยๆ ก็เป็นสมาชิกพรรคอยู่แล้ว เหตุใดต้องบังคับให้ไปยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคอีก

4. ถ้าเจ้าหน้่าที่พรรคเดินทางมาหาไม่ถึงบ้านสมาชิก เพราะอยู่ห่างไกลขาดการติดต่อ วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ บัตรสมาชิกพรรคที่พกติดตัวไปกรีดยางตัดปาลํมทุกวัน หรือเก็บไว้เพราะรัก และเป็นเอกสารสำคัญของชีวิต ได้กลายเป็นกระดาษที่ไม่มีความหมาย เพราะหมดความเชื่อมโยงทางกฏหมายไปแล้ว

ใครจะรับผิดชอบสิทธิทางกฏหมายของเขา และความรู้สึกที่กระทบกระเทือนจิตใจในฐานะที่เป็นประชาชนที่ถูกหล่อหลอมทางการเมืองผ่านพรรคการเมืองที่รักและเชื่อใจมายาวนาน.. ใครจะรับผิดชอบ

นอกจากความหงุดหงิดเหล่านี้แล้ว ยังมีความยากลำบากของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ที่ได้ไปสัมผัสระหว่างการสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจถึงกติกาที่คสช.กำหนดขึ้นมาใหม่ เช่น การหาสมาชิกพรรคหนึ่งคน ตัวแทนพรรคต้องเดินทางไปหา

ขณะที่ชาวบ้านต้องทำงาน ทำให้การสื่อสารไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทั่วถึง จะประชาสัมพันธ์ก็ไม่ได้เพราะมีกติกาห้ามไว้ ต้องไปอธิบายชาวบ้านทีละคน เพื่อขอเงินต่อสมาชิกพรรค 100 บาทต่อ 1 ปี อายุ 1 ปี หาน้อยนักที่ในยุคนี้ชาวบ้านตาดำๆ จะมี 2,000 บาทควักออกมาเพื่อจ่ายค่าบำรุงพรรคตลอดชีพ

แต่คนที่รักพรรคอย่างเข้มข้นก็ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อรักษาสมาชิกพรรคให้ได้มากที่สุด

เป็นการยืนยันถึงความผูกพันระหว่างพรรค สส.และสมาชิกพรรค ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าได้ และเป็นสิ่งที่ คสช.ไม่เคยเข้าใจ

แต่ไม่ว่ากติกาจะผิดเพี้ยนอย่างไร  เราก็พยายามปฏิบัติตนภายใต้กฎระเบียบที่ออกมา ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด

จนถึงขณะนี้การยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคแม้จะยังไม่ครบสามสิบวัน ก็ประมาณการได้ว่าตัวเลขสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มีมากเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 2.5 ล้านคน คงจะลดฮวบลงอย่างน่าใจหาย

อยากให้ คสช.ที่เป็นผู้ออกกติกานี้รับทราบไว้ว่า จำนวนสมาชิกที่ลดลงไม่ได้หมายความว่า สมาชิกพรรครังเกียจเดียดฉันท์ไม่รักประชาธิปัตย์อีกแล้ว แต่เป็นเพราะกติกาบิดเบี้ยวที่ คสช.ออกมาได้ทำลายฐานพรรคการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม

การเมืองภายใต้สถานการณ์พิเศษอาจล็อคแขน ขา นักการเมือง หรือสร้างกติกาใหม่ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกตัวเองได้มากเท่าที่ต้องการ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะขจัดทุกคนออกจากเส้นทางการเมืองได้ เหมือนต้นหญ้าที่ยังสามารถงอกงามได้ แม้ถูกหินก้อนใหญ่กดทับไว้

น้ำตาชาวใต้จะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว ชาวสวนปาล์มหมดทางออกแล้วจริงหรือ