มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แม้จะยังไม่บังคับใช้ และอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น แต่การเผยแพร่มาตรการดังกล่าวผ่านสื่อต่างๆ ก็ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอสังหาฯอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาฯล่าสุดพบว่ามีความกังวลต่อมาตรการดังกล่าวต่อความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้า และผู้ประกอบการรายย่อยมีความเชื่อมั่นลดลง มากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาฯ ท่ามกลางกระแสเรื่องธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความสนใจต่อภาวะฟองสบู่สินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยผลสำรวจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาฯในอีก 6 เดือนข้างหน้า มีค่าเท่ากับ 57.5 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 62.0 จุด
เมื่อจำแนกดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าในแต่ละด้านพบว่า ความเชื่อมั่นลดลงในทุกด้าน แต่ค่าดัชนียังสูงกว่าค่ากลาง ที่ระดับ 50 จุด ยกเว้นด้านต้นทุนการประกอบการเท่านั้น ที่มีค่าดัชนีต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลดังนี้
- ต่อแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
- ต่อราคาวัสดุก่อสร้าง ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้น
- ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
- ต่อมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทย
หากพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประกอบการพบว่า ผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 59.2 จุด ค่าดัชนีลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 67.5 จุด แต่ผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 54.9 จุด ค่าดัชนีเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 53.9 จุด โดยค่าดัชนีดังกล่าวยังสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการทั้งสองกลุ่ม มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
แต่ภาพรวมลดลงจากการสำรวจในไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจากความกังวลด้านผลประกอบการ ยอดขาย ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการเปิดโครงการใหม่ และการลงทุนในอีก 6 เดือนข้างหน้า ที่มีผลที่ลดลงจากการสำรวจไตรมาสก่อน
ทั้งนี้อาจเป็นผลจากความกังวลต่อผลกระทบ ที่จะเกิดจากมาตรการด้านนโยบาย Macroprudential สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำลังจะบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2562
ดัชนีความเชื่อมั่นอสังหาฯปัจจุบันยังเป็นบวก
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบันมีค่าเท่ากับ 51.7 จุด ค่าดัชนีเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ในระดับ 50.9 จุด เนื่องจากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคาดว่า GDP ในครึ่งแรกปี 2561 จะขยายตัว 4.8% และคาดว่า GDP ปี 2561 จะขยายตัว 4.2-4.7% เนื่องจากการขยายตัวของการบริโภค การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายของรัฐบาล
เมื่อจำแนกดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันในแต่ละด้านพบว่า ความเชื่อมั่นด้านยอดขาย และด้านการลงทุน และด้านต้นทุนการประกอบการ มีค่าดัชนีเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนด้านผลประกอบการ การจ้างงาน และการขึ้นโครงการใหม่/ยูนิต ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ค่าดัชนียังสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด
หากพิจารณาค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน จำแนกตามกลุ่มผู้ประกอบการพบว่า ผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 56.1 จุด เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีค่าดัชนีอยู่ที่ 53.2 จุด แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies ยังมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ส่วนผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 45.2 จุด ค่าดัชนีต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 จุด และลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 47.6 จุด แสดงว่าผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies ยังไม่มีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และลดลงจากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาฯ จัดทำสำหรับผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย มีค่ากลางของดัชนีเท่ากับ 50 ดังนั้น หากค่าดัชนีสูงกว่าค่ากลาง หมายถึง ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นและมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในทางตรงกันข้าม หากค่าดัชนีต่ำกว่าค่ากลาง จะหมายถึง ผู้ประกอบการไม่มีความเชื่อมั่นและมีมุมมองเชิงลบต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการคำนวณค่าดัชนี จะให้น้ำหนักบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Listed Companies) ต่อบริษัทที่ไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Non-listed Companies) เป็น 60 : 40
