ย่านธุรกิจท่องเที่ยวชื่อดัง “ถนนข้าวสาร” ซึ่งมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายย่อยอยู่หลายร้อยราย ยอมรับว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวปีนี้ซบเซากว่าทุกปี แม้ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเติบโตด้วยดี
แต่ล่าสุดในไตรมาส 3 กลับเงียบเหงาเกินปกติ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภัยธรรมชาติ พายุ และฝนที่ตกลงมามากกว่าทุกปี ทำให้การท่องเที่ยวชะงัก
นายสง่า เรืองวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัดดี้ กรุ๊ป จำกัด และ นายกสมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวย่านถนนข้าวสารว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บรรยากาศค่อนข้างดียอดนักท่องเที่ยวเติบโตถึง 15% แต่หลังจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ตลาดเริ่มชะลอตัว กระทั่งล่าสุดผ่านไตรมาส 3 พบว่าตลาดซบเซาลงไปมาก
ยิ่งสถานการณ์เดือนสิงหาคม-กันยายน มีพายุเข้าฝนตกหนัก และเกิดเหตุสายการบินยกเลิกไฟลท์ ทำให้นักท่องเที่ยวหดหาย และปีนี้ฝนตกมากกว่าปีก่อน การเดินทางถูกยกเลิก ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจกำลังซื้อด้านการท่องเที่ยวหายไปด้วย
occupancy หรืออัตราการเข้าพักโรงแรมย่านถนนข้าวสาร จากที่เคยมี 78% ล่าสุดเหลือเพียง 60%
อย่างไรก็ตาม ตลาดนักท่องเที่ยวย่านถนนข้าวสาร ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป แต่ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจีน ก็มีเข้ามามากขึ้น แต่ระยะหลังนี้หดหายไปเพราะผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่ม ซึ่งทำให้ช่วงโกลเดนวีค วันชาติจีนที่จะหยุดยาว 1 สัปดาห์ต้นเดือนตุลาคม นักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทยเหมือนทุกปี
“เรื่องนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปนั้น ภาครัฐกำลังหามาตรการส่งเสริม จัดให้มีฟรีวีซ่าช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนไทยมากขึ้น” นายสง่า กล่าวและว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวถนนข้าวสาร ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางเองโดยอิสระ หรือ FIT ( Foreign Individual Tourism) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพราะเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง และการจองที่พัก ทำให้สัดส่วนนักท่องเที่ยว FIT เพิ่มขึ้น
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน
กลุ่มนักท่องเที่ยว FIT จีน จากเดิมเคยมีเพียง 20% ปัจจุบันเพิ่มสัดส่วนเป็น 40% กรุ๊ปทัวร์จากเดิมเคยเป็น 80% ปัจจุบันลดเหลือ 60% เท่านั้น พฤติกรรมตลาดเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี การจองห้องพักก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่จะวางแผนล่วงหน้า 2-3 เดือน เทคโนโลยีที่สะดวกทำให้การจองสั้นลงเหลือเพียง 2-3 อาทิตย์ บางกลุ่มเป็นวอล์คอินก็มี บุ๊คกิ้งสั้นลง ซื้อโลว์คอสท์แอร์ไลน์ 2-3 วันเดินทางเลย
กลุ่มนักท่องเที่ยวย่านถนนข้าวสาร ในปัจจุบันเปลี่ยนไป มีนักท่องเที่ยวเอเชียเข้ามากขึ้น เป็นชาวจีน และเกาหลี ในกลุ่มวัยรุ่น บางรายมากับครอบครัว แต่ส่วนใหญ่มาเป็นกลุ่มเพื่อน โดยนักท่องเที่ยวเอเชียจะเน้นช้อปปิ้ง และกินอาหาร ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปจะเน้นดื่มกิน ไม่นิยมช้อปปิ้ง
ส่วนมาตรการจัดระเบียบถนนข้าวสาร โดยภาครัฐประกาศห้ามจัดวางแผงลอยกว่า 300 แผง ห้ามขายช่วงเช้า โดยเปิดให้ตั้งร้านค้าริมฟุตบาธได้ตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ทำให้เวลาการขายของพ่อค้า-แม่ค้าริมถนนหายไปหลายชั่วโมง
เรื่องนี้ผู้ประกอบการยังหารือกันอยู่ เพราะทำให้นักท่องเที่ยวน้อยลง บรรยากาศการช้อปปิ้งก็หายไป ซึ่งหากส่งผลกระทบมาก ผู้ประกอบการจะร่วมกันคุยภาครัฐ ขอให้ผ่อนปรนระเบียบดังกล่าว
ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม และเกสต์เฮาส์ย่านถนนข้าวสาร มีบริหารห้องพัก 8,500 เตียง และล่าสุดมีจำนวนห้องพักใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาด 500 ห้อง จำนวนเตียงใหม่อาจมีมากถึง 700 เตียง มีราคาห้องพักตั้งแต่ 700-2,000 บาท/คืน ส่วนราคาพักแบบเตียง 200-250-300 บาท/คืน
ช่วงนี้ยอดเข้าพักไม่ดีผู้ประกอบการมีโปรโมชั่น พัก 3 แถม 1 สำหรับการจองพักเข้ามาก่อน หรือเออรี่เบิร์ด ซึ่งทุกปีช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี จะมียอดจองเข้าพักเข้ามา 90% แล้ว แต่ปีนี้ยังมีเข้ามาไม่ถึง
