Politics

ตำรวจยอมรับใช้ ‘แก๊สน้ำตา’ สลาย #ม็อบ16ตุลา ยันทำตามสากล

ตำรวจยอมรับ ต่อกมธ.สิทธิมนุษยชน ของวุฒิสภา ใช้ ” แก๊สน้ำตา ” สลาย ม็อบราษฎร แยกปทุมวัน 16 ตุลา ยัน เป็นหลักสากล 

วันนี้ (9 พ.ย.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมทางการเมือง ในประเด็นกระบวนการ และขั้นตอนการควบคุมฝูงชน การออกหมายเรียก และหมายจับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เข้าชี้แจง

แก๊สน้ำตา

พ.ต.ต.อนันต์ จันทร์ศรี สารวัตรฝ่ายอำนวยการ 3 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงมาตรการดูแลผู้ชุมนุมว่า ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แผนรักษาความสงบชุมนุมสาธารณะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2563 และกฎหมายจราจรที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น. ชี้แจงการออกหมายเรียก และหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมว่า เมื่อมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย สืบเนื่องจากการชุมนุม บช.น.จะแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมา เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่จะแสวงหาได้

ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว คำปราศรัยของแกนนำ จากนั้นจะร่วมกันพิจารณา หากเข้าหลักเกณฑ์ความผิด จะยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับ โดยให้ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานดังกล่าวว่า เพียงพอจะออกหมายจับ หรือให้ตำรวจออกหมายเรียกก่อน

พ.ต.ท.ชวลิต หรุ่นศิริ รองผู้กำกับการ กองกำกับการควบคุมฝูงชน 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ชี้แจงถึงกรณีกมธ. ซักถามถึงการใช้น้ำสลายการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า ส่วนสาเหตุที่ใช้น้ำสลายการชุมนุม เนื่องจากผู้ชุมนุมเข้าใกล้สถานที่สำคัญ ระยะ 150 เมตร ซึ่งการฉีดน้ำแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรก ฉีดน้ำเปล่าไปด้านบน และกดต่ำลงพื้นถนน ก่อนประกาศว่าจะใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง

เมื่อผู้ชุมนุมยังฝ่าฝืน เริ่มก่อความรุนแรง ในช่วงที่ 2 จึงใช้น้ำสีฟ้า เพื่อระบุตัวบุคคลผู้กระทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และสุดท้ายเมื่อสถานการณ์ไม่ยุติ จึงใช้ แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยใช้หลักสากล ตามกฎหมาย และเป็นไปตามสถานการณ์

ม็อบ 16 ตุลา ๒๐๑๑๐๙ 1

ทั้งนี้ ในวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามปิดกั้นการชุมนุม และตัดระบบขนส่งมวลชนของกลุ่มคณะราษฎร บริเวณแยกราชประสงค์ ส่งผลให้คณะราษฎรย้ายการชุมนุมมาบริเวณแยกปทุมวันแทน

จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 18.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้เรียงแถว พยายามกระชับพื้นที่จากแยกเฉลิมเผ่า มายังแยกปทุมวัน โดยเริ่มปะทะกับผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ถึงสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำแรงดันสูงสีฟ้า ส่งผลให้ผู้ชุมนุมต้องล่าถอยออกไป

จากนั้นในเวลา 19.12 น. ตำรวจเดินหน้ายึดพื้นที่อีกครั้ง เพื่อเข้าใกล้แยกปทุมวันมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ยังคงใช้รถน้ำแรงดันสูงฉีดใส่ เพื่อควบคุมฝูงชน และน้ำที่ฉีดออกมาทำให้ผู้ชุมนุมมีอาการแสบที่ผิวหนังและแสบตา ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด

ในช่วงที่สถานการณ์กำลังสับสนนั้น มีข่าวสะพัดออกมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาต่อผู้ชุมนุม บางกระแสระบุว่า ได้มีการผสมแก๊สน้ำตาไว้ในน้ำที่ฉีดสลายฝูงชน จนทำให้เกิดอาการแสบผิวหนัง และแสบตาดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หลังคุมสถานการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ แถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ “ปฏิบัติตามขั้นตอนสากล” มีการประกาศแจ้งเตือนก่อนหน้า แต่เมื่อไม่ปฏิบัติตามจึงมีความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายจากเบาไปหนัก เนื่องจากเป็นการชุมนุมที่มิชอบ

สำหรับประเด็นการใช้อุปกรณ์ตามหลักสากลในการเข้าปฏิบัติการนั้น โฆษกตำรวจ กล่าวว่า เป็นการใช้น้ำ และ “น้ำที่ผสมสารเคมีประเภทสี” เพื่อแยกกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากประชาชนทั่วไป เพื่อการดำเนินคดีในอนาคต ซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด รวมถึงการใช้ “สารเคมีผสมน้ำ” ที่ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณผิวหนัง ซึ่งสามารถใช้น้ำล้างออกได้

เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ได้มีการใช้กระสุนยาง หรือใช้การยิง แก๊สน้ำตา เป็นเพียงการใช้สารเคมีที่ใช้ตามหลักสากลเท่านั้น

แก๊สน้ำตา

ตำรวจไม่รู้ สารเคมีน้ำสีฟ้าคืออะไร ยันไม่อันตราย

หลังจากนั้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง โฆษกสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ (โฆษกตร.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. และ พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์สบ 6 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์ นายแพทย์ สบ 5 โรงพยาบาลตำรวจ ร่วมกันแถลงชี้แจงรายละเอียดการสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน ย้ำถึงปฏิบัติการวันที่ 16 ตุลาคมว่า เป็นไปตามหลักสากล มีการเผยแพร่คำเตือนแล้วทั้งในพื้นที่ และผ่านทางสื่อมวลชน

พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า ไม่ต้องการใช้กำลัง และไม่มีการใช้อาวุธรุนแรง  สลายการชุมนุม ใช้เพียงรถฉีดน้ำ ซึ่งเป็นแบบแรงดันเบา ผสมสารเคมี ที่ตามหลักสากลระบุว่าเหมาะต่อการใช้ควบคุมสถานการณ์ เพื่อระงับยับยั้งเหตุความรุนแรง

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวต่อว่า ส่วนสารเคมีที่ผสมไปในน้ำ จะมีอาการข้างเคียง แค่ระคายเคืองเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo