Entertainment

‘นุ่น รมิดา’ เผยชีวิตหลังแต่ง ‘หลุยส์’ เดินสายไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอลูก

ช่วงกระแสโควิดระบาดหนักๆ หลายคนถึงกับกุมขมับเพราะต้องหยุดงานยาวๆ แต่คู่ของ นุ่น รมิดา ประภาสโนบล และ หลุยส์ สก็อต ใช้ฤกษ์ดีช่วงเวลานี้แต่งงานไปแบบเรียบง่ายอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่…ไม่วายมีเรื่องลุ้นต่อ เพราะตอนนี้ทั้งคู่ก็เริ่มซื้อบ้านรอทายาทแล้ว แต่จะทำท่าไหนก็ยังไม่มีวี่แววคุณลูกมาอยู่ในท้องสักที งานนี้ นุ่น เลยของมาเปิดใจทั้งเรื่องรัก เรื่องลูก เรื่องบ้าน ในรายการต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561

batch 3 1

ช่วงโควิดที่ผ่านมานี้พึ่งมีข่าวดีกันไปจากที่คบกันมายาวนานมากๆเป็นสิบปีทีเดียว อัพเดตกันสักหน่อยดีกว่ากับเธอคนนี้ครับ คุณนุ่น รมิดา เป็นไงแต่งงานแล้วสนุกไหม?

นุ่น : หนูกำลังจะตอบว่าสนุกตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วคะ

เข้าใจว่ามีความสุขใช้ชีวิต กี่ปีแล้วที่คบกันมากับหลุยส์ ?

นุ่น : จริงๆนุ่นกับหลุยส์ไม่เคยนับกันค่ะ เพราะว่าไม่เคยรู้ว่าเราคบกันจริงๆเมื่อไหร่ แต่ถ้าประมาณได้จริงๆตีตามว่าวันนี้วันเกิดเพื่อนหรือครบรอบปีใหม่ก็น่าจะประมาณ 13-14 ปี

คือเป็นเพื่อนกันมาก่อนแล้วเราก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกเรามันไปพัฒนาตั้งแต่เมื่อไหร่แบบนี้เหรอ ?

นุ่น : มันเหมือนรู้กันคะ แต่มันไม่พูดว่าแบบใช่ไหม เพราะว่าถ้าสมมุติ บางทีอีกคนพูดว่า สรุปเราเป็นอะไรกัน แล้วแบบจะไปเลยอะไรแบบนี้มันก็เลยต่อเนื่องอย่างนั้นกันไปเรื่อยๆ จนมาวันนึงนักข่าวถามว่า “หลุยส์จีบนุ่นเหรอ” หรืออะไรแบบนี้ เราก็แบบเป็นเพื่อนกันอะพี่  แต่ว่าพอสุดท้ายไปถามฝั่งผู้ชายเขาก็ตอบว่า “คุยๆกันอยู่” เราก็เลย อะ…แสดงว่านั้นคือคำว่าเป็นแฟนกันแล้ว คบกันแล้วอะไรแบบนี้ มันก็เลยเริ่มชัดเจน

batch 5

แสดงว่ามันมีช่วงคลุมเครือ มีช่วงที่แบบตกลงเขาจีบไหมวะ?

นุ่น : มีคะ แต่ก็ไม่กล้าถาม  กลัวว่าแบบเหมือนหน้าแตก ฉันสวยมากเนอะ ถามผู้ชายจีบฉันเปล่าอะไรแบบนี้ แล้วถ้าผู้ชายบอกว่า “เปล่า”  เขาคิดเพื่อนอะไรแบบนี้

มันไม่มีสัญญาณชัดๆแบบนี้ไหม ?

นุ่น : มันมี แต่ไม่กล้าเข้าข้างตัวเองว่ามันใช่

แล้วคือไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้วถ้าย้อนกลับไปจริงๆคิดว่าใครปิ๊งใครก่อน ?

นุ่น : หนูคิดว่าเขา เพราะหนูไม่ได้เป็นคนโทรหาเขาก่อน คือเราทำงานอยู่ที่เดียวกันถูกไหมคะ? เราอยู่บริษัทเดียวกัน เราเคยออกงานร่วมกัน แต่ว่าเราพูดคุยกันน้อย แต่พอเราเริ่มทำงานด้วยกันเยอะๆขึ้น เราคุยกันเยอะขึ้นแล้วนุ่นก็สไตล์ๆผู้ชายๆ คือคุยกับทุกคนได้ง่าย แล้วก็เลยกลายเป็นเหมือนเขาคุยกับเราได้เร็วขึ้น แล้วอยู่เฉยๆเค้าก็ให้ ARที่ดูแลเราที่เราสนิทโทรหาเรา แล้วก็ให้ARส่งสายให้เขาคุยกับเราอย่างนี้ เราก็ เอ้า…พี่..พี่จะโทรหาหนูทำไม  เพื่อนกันเรียนที่เดียวกันก็ไม่ใช่ เที่ยวร้านเดียวกันไหมก็ไม่เคยแบบนี้ถูกไหม มันก็แค่อยูบริษัทเดียวกันเล่นละครด้วยกันไหมก็ไม่เคย แล้วอยู่เฉยๆโทรหาตอนดึกทำไม

batch 2 1

ไลฟ์สไตล์ตรงกันด้วยใช่ไหม ถึงคบกันได้นาน ?

นุ่น : คือจริงๆตอนแรกไม่ได้ตรงกันหรอกค่ะ ตอนแรกเราก็นึกว่านางเป็นคนฟิวส์ที่แบบเด็กลูกครึ่งไงคะฝรั่งเยอะ ในกลุ่มเพื่อนฝรั่งหมดก็จะแบบลุยๆอยู่แล้วแหละ แต่อย่างเราเราโตจากต่างจังหวัด แล้วทุกอย่างเราทำได้หมดไง ลุยก็ได้ อยากสบายก็ยังอยาก แต่พอมาคลิกกัน ซ้อนมอไซค์ ไปเดินป่า ไปแคมปิ้งมันทำได้หมด แต่พอโตขึ้นมารู้เลยว่า จริงๆเราก็ชอบแบบนั้นแหละ ชอบที่จะแบบเอาตัวเองไปลำบากบางทีก็อยู่บ้านก็ได้

แต่หลังแต่งงานแล้วเห็นบอกว่า หลุยส์ เปลี่ยนไปมากเปลี่ยนไปยังไง ??

นุ่น : เปลี่ยนแค่ว่าความชัดเจนในความอ่อนไหวมันมากขึ้น อย่างเมื่อก่อน เขาจะทำอะไรไปไหนกับเราไปส่งเราที่กองถ่ายเขาจะแค่มาส่งเขาก็แค่นั่งรอในรถไม่ได้ลงมาด้วย แต่ตอนนี้เหมือนตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกกดดันแล้ว ไปไหนมาไหนตอนนี้เขาก็ไปรับไปส่งเราเขาก็ลงมาด้วยโดยที่ไม่รู้สึกเขินอายอะไร เปิดเผยมากขึ้น

จริงหรือเปล่าที่ สามี ติดหนักมากตอนนี้

นุ่น : ก็ติดค่ะ ก็ติดกันทั้งคู่ค่ะ เวลาเราไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด

batch 4 1

ตัวติดกันขนาดนี้ เพราะเห็นว่ากำลังอยู่ในระหว่างการผลิตทายาท

นุ่น : คือจริงๆตอนช่วงโควิด หลังจากแต่งงานด้วย เราก็พยามยามกันค่ะ หมายถึงว่าเราก็รู้ว่าจังหวะนี้มันเป็นจังหวะที่ดี รับละครมาแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเปิดเมื่อไหร่  แต่ว่ายิ่งพยายามเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้เราเครียด พอสิ้นเดือนนี้นุ่นจะถ่ายละครแล้ว เราก็เลยเหมือนแบบลองกันหน่อย คือเพื่อนชอบพูดว่าแกอย่าซีเรียสคนท้องต้องไม่ซีเรียส คนจะท้องต้องไม่คิดว่าท้อง คนจะท้องไม่ต้องคิดว่าแบบนี้ฉันกำลังจะทำหรืออะไรอย่างนี้ เพราะว่าก่อนหน้านั้น คือความตลกของนุ่นคือนั่งนับวันไข่ตก พอถึงเวลา ก็จะสะกิดหลุยส์ แล้วหลุยส์แบบโอ๊ย!!!

แล้วเราไม่หาหมอไหม?

นุ่น : ไม่ค่ะ ไม่เพราะหนูกับบ้านที่บอย พิษณุอ่ะ ขิงใส่กันอยู่คะ ก็คือบ้านนั้นเขาก็ทำ เวลาเราเจอกันอย่างนี้ เขาก็จะเล่าให้ฟัง “พี่ไปเช็คมาแล้วนะ ลูกพี่อะ วิ่งวนเป็นวงกลม”

batch 6

 คือมันไม่วิ่งไปข้างหน้า

นุ่น : ใช่ แล้วหนูก็บอก แล้วพี่ได้หาหมอกินยาไหม? เขาบอก “กิน” แล้วกินยา แล้วเป็นยังไง? “มันวิ่งวนเร็วกว่าเดิมอีก”

ตั้งใจถึงขนาดเจ้าตัวบอกว่าไปที่ไหนไปวัดไปไหว้ อธิฐานขอลูกตลอดเลยจริงเหรอ ?

นุ่น : คือด้วยความแบบว่าเป็นฝั่งผู้หญิงจะรู้สึกแบบเยอะกว่าผู้ชายนิดนึง ในเรื่องของการอยากมีลูกมากๆ คือเวลายิ่งช่วงนี้เราถ่ายรายการยูทูปของเราด้วย เวลาเราไปที่ไหนเราไหว้พระ นุ่นก็จะไหว้ขอตลอด ทุกคนก็เลยจะแซวว่า “เดี๋ยวนี้มูเตลูขนาดนั้นเลยเหรอ” ก็ไหว้ทุกที่ค่ะ ตอนนี้ทุกคนถามว่า “ แกแล้วตอนนี้แกบนถูกไหมที่ไหนยังไง” คือทุกครั้งที่จะไปไหว้ก็จะบอกว่า “ขอตั้งแต่เดือนนี้ถึงเดือนนี้ ถ้าหมดเดือนนี้ก็ไม่มาแก้แล้วนะคะ” เพราะไม่งั้นถ้าหนูท้องขึ้นมาเราไม่รู้ว่าเราจะแก้บนที่ไหนบ้าง เพราะเราไปเกือบทุกที่ แบบไปไหว้พระหรือศาลยกมือไหว้ก็ขอก็บอก คืออยากได้ลูกเหมือนกัน

 แล้วก็เห็นว่าตอนนี้ก็กำลังจะเตรียมตัวสร้างเรือนหอแบบยิ่งใหญ่อลังการมากทุ่มทุนกว่า50ล้านบาทเพื่อนเนรมิตบ้านในฝัน?

นุ่น : ไม่ถึงขนาด50ล้านค่ะ คนอย่างหลุยส์ สก็อตต์ ไม่มีทางใช้เงินเยอะขนาดนั้น

batch 1 1

นี่จะบอกว่าผัวงกเหรอ?

นุ่น : งก (หัวเราะ) คือเขาเป็นคนใช้เงินเป็นค่ะ คือเรานับถือเค้าในเรื่องนี้ค่อนข้างสูงมาก เพราะว่าทุกวันนี้พอแต่งงานกันแล้วเงินนุ่นก้อนใหญ่ๆ นุ่นให้เขาเก็บหมดเลยนะคะ คือฝากเขาไว้เลย เขาจัดระเบียบเยอะ ทุกคนจะคิดว่านุ่นเก็บ อย่างบ้านเนี่ยไม่ถึง50ล้านแน่ๆ เพราะว่าเราดูบ้านกันมาปีกว่า เพื่อเลือกบ้านที่เราอยากได้ที่สุดแต่เวลาหลุยส์ดู เขาไม่ได้ดูแค่บ้านใหญ่ เขาดูถึงขั้นเขาใช้อะไรทำ? อันนี้เท่านี้ราคาประมาณนี้แพงไป อะไรแบบนี้ คือเค้าจะรู้หมดเลยว่าแบบมันไม่ควรถึง50ล้านหรอก หลังนี้ควรราคาประมาณเท่านี้ เพราะฉะนั้นคือนุ่นเลยค่อนข้างไว้ใจในวันที่เค้าเลือกซื้อบ้าน ซึ่งข่าวตีออกไปเยอะมากว่านี่มัน40-50ล้าน แต่จริงๆแล้วมันไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถามว่ามันก้อนใหญ่ที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ไหม “ใช่” มันเป็นภาระหน้าที่ ที่ค่อนข้างใหญ่ที่สุดตั้งแต่ทำมามา

แต่จริงๆแล้วมันคือการลงทุน มันไม่ใช่การฟุ่มเฟือยเลยนะ ถ้าซื้อบ้านมันเป็นสิ่งแรกที่ควรค่าแก่การที่จะลงทุนในชีวิตด้วยซ้ำในวันที่เราพร้อม?นุ่น : ค่ะ เพราะนุ่นมองว่าเราไม่ได้อยู่แค่วันนี้ พรุ่งนี้  ปี 2ปี มันอยู่เป็น 10-20ปี แล้วสุดท้ายมันอาจเป็นมรดกไว้ให้ลูกก็ได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้เรามีแรงทำอยู่เราก็เลยอยากซื้ออะไรที่มันไม่ต้อง “เดี๋ยวเล็กไป เดี๋ยวต้องไปซื้อใหม่” คืออยากให้มันอยู่ยาวๆนานๆไปเลย

Avatar photo