“สศค.” เผยอยู่ระหว่างศึกษามาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” กลับมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ต้องพิจารณาก่อนว่าจำเป็นหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” และขยายวงเงินให้สามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเป็น 50,000 บาท เพื่อจูงใจให้ประชาชนออกมาจับจ่ายสินค้า หลังยอดรายได้ชะลอตัวลงนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงข้อเสนอของผู้ประกอบการค้าปลีกที่ต้องการให้กระทรวงการคลัง ออกมาตรการช้อปช่วยชาติ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และธุรกิจค้าปลีก ว่า นายอุตตมได้สั่งการให้ สศค. ศึกษาถึงข้อเสนอดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า มีความจำเป็นที่จะมีมาตรการดังกล่าวหรือไม่ พร้อมพิจารณาด้วยว่า หากจำเป็นต้องมีมาตรการดังกล่าว รูปแบบของช้อปช่วยชาติในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร จะมีการปรับเปลี่ยนจากที่เคยออกหรือไม่ และเวลาที่เหมาะสมที่ควรนำมาตรการออกมาใช้ ซึ่งที่ผ่านมาการออกมาตรการดังกล่าว ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะทำให้สศค.นำมาพิจารณาเพื่อปรับปรุงในการดำเนินการในอนาคต
“คงยังไม่เห็นมาตรการดังกล่าวออกมาในเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากจะต้องให้มาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวมีผลไปสักระยะก่อน จากนั้น สศค.ถึงจะประเมินสถานการณ์ถึงความจำเป็นอีกครั้งก่อน ทั้งนี้ หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป” นายลวรณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก ดังนั้นการที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบในอัตราสูง ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเป็นบวกที่ 5% ได้ สะท้อนว่า ไทยมีแนวทางในการประคับประคองเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งการประมาณการที่ออกมาถือเป็นแค่สัญญาณที่ออกมาเท่านั้น
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะต้องเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงการเยี่ยวยามาตรการต่างๆ ออกมาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลออกมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” และ “ไทยเที่ยวไทย” แต่ต้องให้สิทธิพิเศษทางภาษีมากกว่าครั้งที่ผ่านมา สามารถทำให้รัฐประหยัดเงินได้อีกเยอะ ด้วยแค่การให้เงินลดหย่อนภาษีมาเพื่อให้ประชาชนออกมาใช้อาจจะลดหย่อนภาษีได้ถึงคนละ 50,000 บาท ก็จะมีเงินสะพัดเข้ามาในระบบจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นได้เร็วมากกว่าที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวแบบธรรมชาติ หรือจะอาศัยจากรัฐบาลลำพังคงยาก
