“ประวิตร” สั่งทหาร-ตำรวจ – ฝ่ายปกครอง นำเทคโนโลยีร่วมคุมเข้มยาเสพติด สกัดกั้นชายแดนและปราบปรามในพื้นที่ ขยายผลยึดทรัพย์ให้ถึงรายใหญ่
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง เพื่อรับทราบสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือโดยรวม พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งได้รับทราบว่าสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือโดยภาพรวมยังคงมีมาก ราคายาเสพติดถูกลง มีการขนย้ายปริมาณมากในแต่ละครั้ง โดยพยายามลำเลียงและร่วมกระทำผิดจากกลุ่มเครือข่ายนอกพื้นที่และเครือข่ายชาวต่างชาติ การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ค้าและผู้เสพกระทำได้ง่ายขึ้นผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีการขนส่งผ่านระบบไปรษณีย์และการขนส่งของเอกชนมากขึ้น ขณะที่จังหวัดลำปาง มีเส้นทางลักลอบลำเลียงผ่านถึง 9 เส้นทาง ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังและสกัดกั้น
พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง มุ่งเน้นความยั่งยืนในการสกัดกั้น ปราบปราม การป้องกันและบำบัดฟื้นฟู โดยให้ขยายผลทำลายเครือข่ายและจับกุมให้ถึงรายใหญ่ และต้องจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไม่มียกเว้น
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังชื่นชมและให้กำลังใจการปฏิบัติงานของทหาร ตำรวจและหน่วยงาน ป.ป.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ร่วมกันสกัดกั้นในพื้นที่ชายแดนและการปราบปรามในพื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและได้ผลที่ผ่านมา โดยสามารถขยายผลทำลายเครือข่ายในหลายชุมชน และเชื่อมโยงถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะการปฏิบัติงานของตำรวจ จังหวัดลำปาง ในพื้นที่อำเภอ สบปราบ งาว แจ้ห่มและแม่พริก ที่ร่วมเฝ้าระวังสกัดกั้นและยึดยาเสพติด ได้ยาบ้าจำนวนมากเกือบ 6 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 750 กิโลกรัม ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับฝ่ายความมั่นคง นำเทคโนโลยีมาคุมเข้ม เฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในพื้นที่และในเครือข่ายโซเชียลมากขึ้น โดยขอให้ทหารสกัดกั้นในพื้นที่ชายแดนให้เป็นผล และขอให้ฝ่ายปกครองและตำรวจเปิดปฏิบัติการปราบปรามในพื้นที่ชั้นในต่อเนื่องกันไป โดยมุ่งทำลายเครือข่ายยาเสพติดในทุกพื้นที่ชุมชนขยายผลสู่การยึดทรัพย์รายใหญ่ให้ได้ เพื่อร่วมกันหยุดยั้งปัญหายาเสพติดไม่ให้ซ้ำเติมประชาชนกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงมีอยู่
