องค์การอนามัยโลกต้องปรับตัว หมอมนูญชี้ ช้าหลายเรื่องไม่ทันการณ์ ล่าสุดกลับลำใหม่ แนะทั่วโลกใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันโควิด-19
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ถึงการทำงานของ องค์การอนามัยโลก (WHO) โดยระบุว่า องค์การอนามัยโลกต้องปรับตัว ครั้งใหญ่ ในการกลับลำ แนะทั่วโลกใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ จากเดิมที่เคยบอกว่าไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนมากพอ ว่าหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงคนไม่ป่วย ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย
โดยเปลี่ยนมาเป็นทุกคนควรใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเวลาออกไปในที่สาธารณะ ในขณะที่คำประกาศใหม่ ถือว่าล่าช้าเกินไป เนื่องจากในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทย ได้มีการแนะนำให้ประชาชน สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่อต้องออกจากบ้านก่อนหน้านี้แล้ว
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่องค์การอนามัยโลกออกแถลงการณ์ล่าช้า WHO เพิ่งเตือนถึงผลเสีย ของการฉีดพ่นน้ำยาเคมีกำจัดเชื้อโรคพื้นที่กว้างใหญ่นอกอาคาร บนทางเดิน ถนน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม และมีอันตรายต่อผู้สัมผัส สิ้นเปลืองไม่ได้ประโยชน์
องค์การอนามัยโลกต้องปรับตัว และเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต
ทางกระทรวงสาธารณสุข และสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยได้ออกมาเตือนเรื่องนี้ก่อนหน้าองค์การอนามัยโลกแล้ว ย้อนหลังไป ค.ศ. 1997 WHO ออกแถลงการณ์การตรวจหาความไวต่อยาของเชื้อวัณโรคในประเทศที่กำลังพัฒนา ทำไม่ได้ สิ้นเปลือง และเปล่าประโยชน์
ผมออกมาโต้แย้งในปีค.ศ.1998 ว่าประเทศไทยจำเป็นต้องตรวจ เพราะถ้าไม่ทราบผลความไวต่อยา อาจให้ยารักษาไม่ตรงกับเชื้อ ทำให้เชื้อยิ่งดื้อยามากขึ้น แพร่ระบาดให้คนอื่นต่อไป ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยขณะนั้น ตอบว่า การแนะนำของผมขาดความรับผิดชอบ เพราะต้องดึงเงินจากงบประมาณอื่นมาใช้
ผมได้ก่อตั้งทุนวิจัยวัณโรคดื้อยา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ศิริราชมูลนิธิ ในปี ค.ศ. 2001 ทำการตรวจหาความไวต่อยาของเชื้อวัณโรคให้โรงพยาบาลของรัฐฟรีทุกแห่ง
ในที่สุด WHO ก็เปลี่ยนคำแนะนำใหม่ ให้ทุกประเทศตรวจหาความไวของเชื้อวัณโรคต่อยาก่อนเริ่มการรักษา แต่คำแนะนำนี้ล่าช้าเกินไป หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้วิจารณ์ความผิดพลาดในการทำงานขององค์การอนามัยโลก เรื่องวัณโรคในปี ค.ศ. 2012
ในอดีต WHO ให้คำแนะนำความปลอดภัยทางถนน เน้นสาเหตุเฉพาะ เมา ขับรถเร็ว ไม่เคารพกฎจราจร ไม่ใส่หมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ใช้ที่นั่งสำหรับเด็ก ผมออกมารณรงค์ง่วงอย่าขับ
หลังจากดูแลคุณบิ๊ก ดีทูบี ซึ่งประสบอุบัติเหตุจากง่วงหลับใน ปี ค.ศ. 2003 ผมได้ก่อตั้งทุนง่วงอย่าขับในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี ปี ค.ศ. 2005
ทั้งนี้ได้ทำการศึกษาอุบัติการง่วงหลับใน ของคนขับรถโดยสาร และรถบรรทุก ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2006 รณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงอันตรายจากการง่วงแล้วขับ วิธีการแก้ไข ความสำคัญของการนอนหลับให้เพียงพอ และประโยชน์ของการงีบหลับ
องค์การอนามัยโลกมีแถลงการณ์เพิ่มว่า ง่วงหลับใน ยาบางชนิดทำให้ง่วง การใช้โทรศัพท์มือถือ เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทางถนนในปี ค.ศ. 2015 นี่คืออีกหนึ่งความล่าช้า ที่องค์การอนามัยโลกต้องปรับตัว
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะถอนประเทศสหรัฐอเมริกาออกจากองค์การอนามัยโลก และงดเงินสนับสนุน เนื่องจากองค์การอนามัยโลก “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ในการบริหารจัดการวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 และเป็นองค์กรที่อยู่ “ใต้เงาจีน”
ข้อมูลเพิ่มเติม
องค์การอนามัยโลก หรือ World Health Organization ตัวย่อ WHO เป็นทบวงการชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ ซึ่งรับผิดชอบการประสานงานด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ก่อตั้งเมื่อ 7 เมษายน ค.ศ. 1948 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานส่วนภูมิภาคตั้งอยู่อีกใน 6 เมือง ได้แก่บราซาวีล, วอชิงตัน ดี.ซี., ไคโร, โคเปนเฮเกน, นิวเดลี และ มะนิลา
ตราสารจัดตั้งองค์การอนามัยโลกได้รับการลงนามโดย 61 ประเทศเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1946 และได้จัดการประชุมสมัชชาอนามัยโลกขึ้นสมัยแรก เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1948
หน้าที่หลักของ องค์การอนามัยโลก มี 4 ข้อ ดังนี้
1. อำนวยความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆ ตามความต้องการเมื่อได้ร้องขอมา
2. จัดให้บริการด้านสุขภาพอนามัยแก่ประเทศต่างๆทั่วโลก
3. ส่งเสริมและประสานงานด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระหว่างชาติเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพต่างๆ อันไม่อาจดำเนินไปได้โดยลำพังของแต่ละประเทศ
4. ทำหน้าที่แก้ปัญหาโรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ เช่น ซาร์ส ไข้หวัดนก
ถึงเวลาแล้วที่ องค์การอนามัยโลก ต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ ต้องมีการปฏิรูป ปรับปรุง รับฟังความเห็นต่าง เพื่อให้คำแนะนำในการทำงานช่วยเหลือมนุษยชาติได้ถูกต้อง และรวดเร็วขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บราซิล’ โจมตี WHO เลือกข้างทางการเมือง ขู่ถอนตัวจากสมาชิก
- ‘หมอมนูญ’ บอกข่าวดี อานิสงส์มาตรการคุมโควิด ช่วยสกัด ‘ไวรัสประจำถิ่น’
- รู้เรื่อง!! หมอมนูญ แนะใช้โคมไฟ UV-C กำจัดโควิด-19 ผลวิจัยชี้ชัดคนปลอดภัย