นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของการบินไทยในปี 2561 น่าจะมีกำไร แต่ยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 40% และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ การบินไทยจะเร่งลดค่าใช้จ่าย ด้วยการปรับเส้นทางให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยลดความถี่ในเส้นทางที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหน่วย (Yield) ต่ำ เช่น กรุงเทพฯ- ออสเตรเลีย ซึ่งบางเส้นทางอาจต้องปรับลดความถี่ลงเหลือสัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน จากเดิมสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน แต่จะเป็นเมืองไหนของประเทศออสเตรเลียต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับเส้นทาง กรุงเทพ-มอสโก (รัสเซีย) ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหายิลด์ต่ำนั้น แต่ตอนนี้อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) สูงขึ้นและล่าสุดขยับเพิ่มขึ้นเป็น 80% ซึ่งเป็นผลบวกจากเทศกาลฟุตบอลโลกและการตลาดเชิงรุก จึงเป็นไปได้ที่ปรับความถี่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ละ 4 วัน เป็นสัปดาห์ละ 7 วัน เพราะหากการบินไทยเปิดให้บริการทุกวันจะได้เปรียบสายการบินอื่น และจะขายตั๋วได้ในราคาแพงขึ้นด้วย
ด้านการเปิดเส้นทางกรุงเทพ-สหรัฐอเมริกานั้น อาจจะต้องเลื่อนไปช่วงฤดูหนาวปี 2562 หรือเดือนต.ค. ปี 2562 แทน เพราะต้องรอให้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (FAA) ปรับเพิ่มระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยจากระดับที่2 (Category 2) เป็นระดับ1(Category 1) ก่อน โดยการบินเส้นทางอเมริกา อาจต้องใช้วิธีหมุนเครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER และหยุดพักกลางทาง เช่น ที่ประเทศเกาหลี ไต้หวัน หรือญี่ปุ่น
นางอุษณีย์ ยอมรับด้วยว่า การบินไทยและสายการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นบริษัทลูก ยังมีปัญหาเรื่องเครือข่ายขายตั๋วไม่เชื่อมต่อกัน ดังนั้นการบินไทยจะต้องส่งทีมขายเข้าไปช่วยวางระบบ เพื่อให้บริหารต้นทุนและขายพ่วงกันได้
