นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าโครงการก่อสร้างสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ (Floating Storage and Regasification Unit :FSRU) ที่ขนอมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะมีความชัดเจนภายใน 2 – 3 ปี โดยระหว่างนี้จะมีการศึกษาทางกายภาพ พร้อมกับรับฟังความเห็นต่างๆของชุมชน
ทั้งนี้ FSRU เป็นโครงการรองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เพื่อสร้างความมั่นคงในการจัดหาก๊าซฯระยะยาวเป็นเชื้อเพลิงหลักในโรงไฟฟ้ารองรับก๊าซในอ่าวไทยที่ลดลง ซึ่งFSRU จะเป็นจุดรับแอลเอ็นจีนำเข้าเพื่อแปลงสภาพเป็นก๊าซก่อนเข้าสู่ระบบท่อส่งก๊าซและส่งต่อไปตามแนวท่อไปที่โรงไฟฟ้าและธุรกิจอุตสาหกรรม
สำหรับFSRU มีแผนจะก่อสร้างบริเวณอ่าวไทย ที่ขนอม มูลค่าโครงการเบื้องต้น 30,000 ล้านบาท โดยกระทรวงพลังงานให้กฟผ.ดำเนินการก่อสร้างรองรับแอลเอ็นจีนำเข้า 5 ล้านตัน โดยกฟผ.มีแผนหลักจะนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าพระนครใต้ จังหวัดสมุทรปราการหลังจากก๊าซในอ่าวไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในการตรวจเยี่ยมโรงแยกก๊าซ และโรงไฟฟ้าขนอมของพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหารระดับสูงได้พบปะกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชนของอำเภอขนอมและพื้นที่ใกล้เคียง
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าจากการรับฟังความเห็นของผู้นำท้องถิ่นทำให้รับทราบความต้องการของชาวบ้านที่เสนอให้มีการดูแลด้านสาธารณสุข เกี่ยวกับการเจ็บป่วยของชาวบ้าน และช่วยเหลือด้านอาชีพประมง รวมถึงการจัดการปัญหาขยะของพื้นที่ ซึ่งจะนำความต้องการเหล่านี้ไปหารือในคณะรัฐมนตรีสัญจรที่วันที่ 21 สิงหาคมนี้
ด้านนายเสกสันต์ ประสิทธิ์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอขนอม กล่าวว่าขนอมมีโครงการขนาดใหญ่ของ 2 องค์กรมาตั้งนานแล้วทั้งโรงแยกก๊าซฯ ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)และโรงไฟฟ้าขนอม ของบริษัทผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ในเครือบริษัทผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป แต่ชาวบ้านสะท้อนว่ายังดูแลด้านสุขภาพของชุมชนโดยรอบไม่ทั่วถึงและจริงจังเท่าที่ควร โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซฯ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งจำนวนมาก จึงต้องการให้ทั้งสององค์กรดูแลด้านสุขภาพของประชาชนให้มากกว่านี้ก่อนที่จะไปขยายทำโครงการ FSRU ซึ่งชาวบ้านยังไม่ค่อยเห็นด้วย
