Economics

ข้าวหายเกือบล้านตัน!! ดึง ‘สตง.’ สอบเชิงลึก

อดุลย์ โชตินิสากรณ์3

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสื่อออนไลน์เรียกร้องหาผู้รับผิดชอบกรณีข้าวในสต็อกรัฐบาลที่ยังติดค้างอยู่ในคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ไม่สามารถนำออกมาระบายได้ เพราะมีข้าวหายไปจากบัญชีการตรวจนับจำนวนมากนั้น

กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการพิจารณาระบายข้าว ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่าตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) บริหารจัดการข้าวที่มีอยู่ในสต็อกของรัฐที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเก็บรักษาอยู่ในคลังสินค้าของ อคส. และ อ.ต.ก. โดยเริ่มจากการตรวจสอบความมีอยู่จริงของข้าวทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ จากข้อมูลที่ อคส. และ อ.ต.ก. ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลรักษาข้าวในสต็อกของรัฐตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ได้รายงานตัวเลขทางบัญชี วันที่ 2 กรกฎาคม 2557 มีปริมาณรวม 18.70 ล้านตัน โดยมีผลการตรวจสอบด้านปริมาณและคุณภาพข้าวทั้งสิ้น 17.76 ล้านตัน ซึ่งใช้เป็นบัญชีตั้งต้นของการระบายข้าวในสต็อกของรัฐของรัฐบาลปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม พบว่ามีตัวเลขส่วนต่างทางบัญชีของ อคส. และ อ.ต.ก. ปริมาณ 0.94 ล้านตัน คณะกรรมการ นบข. จึงได้มอบหมายให้ อคส.และ อ.ต.ก.ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปริมาณข้าว 0.94 ล้านตัน เพื่อให้ได้ปริมาณข้าวที่เป็นข้อยุติสุดท้ายก่อนพิจารณานำออกมาระบายเพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของรัฐต่อไป

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาคณะกรรมการ นบข. และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้มีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของ อคส. และ อ.ต.ก.เป็นระยะ และเพื่อให้การตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบ และรัดกุม คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวจึงส่งข้อมูลที่ได้รับรายงานจาก อคส. และ อ.ต.ก.ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในฐานะหน่วยงานกลางที่ได้รับการยอมรับและเชื่อถือของทุกฝ่ายเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีของ อคส. และ อ.ต.ก. ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวจะได้ติดตามความคืบหน้าผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อไป

อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการข้าวในสต็อกของรัฐที่ผ่านมาได้มีการกำหนดขั้นตอน กระบวนการทำงาน และแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจและเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ การตรวจสอบดังกล่าวต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยหากผลการตรวจสอบพบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นหรือมีผู้เข้าไปมีส่วนร่วม ก็จะถูกดำเนินการทางกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยทาง สตง.จะสรุปผลตรวจสอบมาให้ทางกรมฯ ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ และทางกรมฯ จะรายงานให้ที่ประชุม นบข.รับทราบกันต่อไป

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight