General

3 ฉากทัศน์ 6 ทางรอด ‘ไวรัส COVID-19’ ระบาด ระยะ 3

3 ฉากทัศน์ 6 ทางรอด หนีไวรัส COVID-19 ระบาดระยะ 3 ผู้เชี่ยวชาญแนะ ทุกคนต้องมีวินัยยิ่งยวด ขณะที่ชุมชนต้องร่วมดูแล ผู้ที่กลับจากต่างประเทศ ให้กักกันตัวเองครบ 14 วันที่บ้าน ป้องกันแพร่ระบาด เชื่อไทยไม่เข้าสู่สถานการณ์รุนแรง 

แม้ว่าประเทศไทยมีความพยายามในการควบคุมโรคไวรัส COVID-19  โดยการตรวจจับผู้ป่วยให้ได้อย่างรวดเร็ว แยกโรค และ ติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยทุกราย รวมไปถึงมาตรการระหว่างประเทศ ป้องกันเชื้อโรคนำเข้าจากชาวต่างประเทศที่มาจากประเทศสุ่มเสี่ยง

ภาพ จีน ตัด 1

และมีมาตรการเด็ดขาดหลาย เรื่อง โดยเฉพาะการประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีผลเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563  เรื่องท้องที่นอกราชอาณาจักร ที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ได้แก่ เกาหลีใต้ จีน อิตาลี และอิหร่าน เพื่อป้องกัน และคัดกรองการแพร่ระบาดของโรค

ตามติดมาด้วยมาตรการยกเลิก Visa voa (Visa on Arrival )18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ (ไต้หวัน) และยกเลิกการยกเว้นการตรวจลงตรา ( free visa)  3 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ อิตาลี และฮ่องกง ที่จะมีการพิจารณาในที่ประชุมครม.วันที่ 17 มีนาคมนี้ หมายถึงผู้ที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ต้องขอ visa ตามปกติยังสถานทูต และต้องมีใบรับรองแพทย์ รวมทั้งผู้ที่มาจาก 4 ประเทศที่ประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย ต้องมีการรายงานตัว กักตัว (quarantine) และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ยังมีประกาศประเทศกลุ่มเสี่ยง เพื่อแนะนำประชาชนให้งดเดินทางไปประเทศดังกล่าว หากไปแล้วกลับมาต้องกักตัวเอง 14 วัน ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อิตาลี อิหร่าน ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน จำนวนประเทศเหล่านี้จะมีเพิ่มขึ้นได้อีกตามสถานการณ์ของการแพร่ระบาด

ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อให้การระบาดของไทย ยังอยู่ในวงจำกัด หรือ ระยะที่ 2 (Phase 2) เพราะต้นตอ การติดเชื้อในประเทศไทย ล้วนมาจากชาวต่างชาติ การมีมาตรการป้องกันดูแลการเดินทางเข้าออกไทยของชาวต่างชาติ และคนไทยที่มาจากประเทศเสี่ยง ก็เพื่อไม่ให้เราไปสู่การแพร่ระบาดระยะที่ 3 (Phase 3) หรือ มีการระบาดในวงกว้าง จนหาต้นตอไม่ได้ว่า “ใครติดมาจากใคร”

และประชาชนก็เชื่อเช่นนั้นมาตลอดว่า ไทยจะไม่เป็นประเทศที่เข้าสู่การระบาดระยะ 3 แต่ในช่วง 3  วันมานี้ เริ่มมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน 11 คนเมื่อวันที่ 12 และ 5 คน เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ตามมาด้วย 7 คน ในวันที่ 14 มีนาคม ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในไทยกำลังดิ่งขึ้น กลายเป็น 82 ราย ณ วันที่ 14 มีนาคม ยังไม่นับรวมผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ที่กำลังลุ้นอีก 36 คน

ปลัดสธ. คัด

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเอง ก็ยอมรับว่า ประเทศไทยได้เริ่มพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน มีผู้ป่วยหลายรุ่น (Generation) พร้อมแจ้งผู้ประกอบการ ที่ผู้ป่วยไปรับบริการ ทำความสะอาด ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งจะค้นหากลุ่มผู้สัมผัสเพิ่มเติม เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน

ทั้งนี้ เพราะตามข้อมูลที่ปรากฎ ผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่ที่สุด 11 ราย สาเหตุมาจากการไปรวมกลุ่มปาร์ตี้ในร้านอาหาร ดื่มสุรา และสูบบุหรี่มวนเดียวกัน ไม่หวั่นกระแส และไม่คิดว่า “โรค” จะมาถึงตัวอย่างรวดเร็ว แต่ที่สุดก็กวาดทุกคนติดเชื้อกันเกือบทั้งหมดสิบกว่าราย

สาธารณสุข จึงต้องย้ำเตือนกันบ่อยๆ ให้ประชาชน ตระหนักว่า หากป่วย มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ให้หยุดพักอยู่ที่บ้าน รีบพบแพทย์ พร้อมให้ประวัติเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ให้แยกสำรับอาหาร แยกแก้วน้ำ ของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กักกันตนเองเป็นเวลา 14 วัน เมื่อกลับจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง เพื่อชะลอการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในประเทศได้

พร้อมกับการย้ำเตือน หลักการป้องกันกับประชาชน ดูเหมือนกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างกำลังระดมสรรพ เตรียมรับมือการแพร่ระบาดในวงกว้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทั้งสถานพยาบาล หยูกยานำเข้า และเวชภัณฑ์ต่างๆ ทั้งจัดซื้อ รับบริจาคทั้งใน และต่างประเทศ เพราะตอนนี้เส้นแบ่งระหว่างการแพร่ระบาดระยะ 2 และระยะ 3 เริ่มบางเฉียบ

ANN 4025 ตัด 1

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558  และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ระบุว่า มีปัจจัยที่จะทำให้เราไปสู่การระบาดจากระยะ 2 ไประยะ 3 นั่นก็คือ

1.ติดต่อในวงกว้างหรือไม่ โดยมองไปรอบๆบ้านเรา ในอำเภอ หรือจังหวัด มีผู้ติดเชื้อกันไปทั่วหรือไม่

2.ติดต่อกัน 4 ทอด หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ของไทยส่วนใหญ่จะติด ทอดที่ 2  หรือสัมผัสจากผู้ติดเชื้อ ส่วนทอดที่ 3 เห็นประปราย ไม่ไปทอดที่ 4

” อย่าไปไปตกใจว่า เราเข้าระยะ 2 หรือ 3 หากติดต่อกันเยอะๆ ก็เข้าสู่ระยะ 3 แล้ว หรือถึงแม้จะมีการประกาศเป็นระยะที่ 3 ก็ไม่ใช่ว่าจะระบาดทั่วประเทศ  ” 

11583600155839

นพ.พรเทพ ยังเอ่ยถึง 3 ฉากทัศน์ หรือ สมมุติฐานการระบาด ตั้งแต่เบาบางสุด จนถึงรุนแรงที่สุด เพื่อประเมินสถานการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข และเตรียมรับมือ  ซึ่งฉากทัศน์ ที่นพ.พรเทพ ระบุ มีดังนี้

ฉากทัศน์ที่ 1. สถานการณ์รุนแรงที่สุด กรณีที่การควบคุมโรค ไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้การระบาด เป็นไปโดยธรรมชาติของโรค มีความพยายาม ที่จะชะลอการระบาดบ้าง แต่ไม่มากนัก หรือ ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ผู้ติดเชื้อ 1 คนจะสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ได้อีก 2.2 คน

และการระบาดจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก โดยมีจำนวน ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนพบผู้ป่วยต่อสัปดาห์สูงสุดในเดือนสิงหาคม จำนวนผู้ป่วยรวมทั้งสิ้นประมาณ 16.7 ล้านคนใน 1 ปี

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ มีการประเมินว่า ไม่น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้น ในประเทศไทย เนื่องจากการดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่ผ่านมาของไทยอยู่ในระดับที่ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับ

ฉากทัศน์ ที่ 2. สถานการณ์ระดับกลาง  โดยสามารถชะลอการระบาด ได้พอสมควร เกิดจากกมาตรการควบคุมโรค มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการมีความร่วมมือที่ดีจากภาคประชาชน ทำให้ประเทศไทย สามารถชะลอการแพร่ระบาดของโรคได้ในระดับหนึ่ง จนทำให้ผู้ที่ติดเชื้อ 1 คน สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น 1.8 คน

โดยการระบาดในวงกว้าง จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ จนเข้าสู่จุด ที่พบผู้ป่วยต่อสัปดาห์สูงสุดในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 480,000 คนต่อสัปดาห์

มาตรการควบคุมโรคในสถานการณ์นี้ อยู่ที่การลดโอกาสการสัมผัสโรค ของประชาชนลง เช่น การงดกิจกรรมรวม คน การกักกัน เพื่อสังเกตอาการ ของผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด

ฉากทัศน์ ที่ 3. สถานการณ์ที่สามารถควบคุมโรคได้ดี จนทำให้ผู้ที่ติดเชื้อ 1 คน สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ได้เพียง 1.6 คน เกิดการระบาดตามฤดูกาลในแต่ละปี และกลายเป็นโรคประจำถิ่น คล้ายกับไข้หวัดใหญ่

บนฉากทัศน์นี้ มาตรการควบคุมโรค ต้องมีความเข้มข้น และได้รับความร่วมมือ จากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง รวมทั้งประชาชนให้ควา ร่วมมือเป็นอย่างมาก เพื่อลดโอกาสการสัมผัสโรคของประชาชนลงให้ได้มากที่สุด เช่น การงดกิจกรรม รวมคน ส่งเสริมการทำงานจากบ้าน งดการเคลื่อนย้ายคนในหน่วยงานที่มีคนจำนวนมาก เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ โรงเรียน เป็นต้น

รวมทั้งป้องกัน และควบคุมการเกิดการแพร่ระบาด เป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ เช่น การระบาดในโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงงาน หรือในสถานที่ทำงาน เป็นต้น

 

314 ตัด

411 2

นพ.พรเทพ ย้ำว่า บ้านเราจะเข้าสู่การแพร่ระบาดระยะ 3 ได้หรือไม่ อยู่ที่ทุกคน โดยขอแนะนำให้ 6 ข้อ ดังนี้ 

1.ยกเลิกการเดินทางไปต่างประเทศ

2.เลิกจัดงานที่มีคนมาชุมนุม จำนวนมากกว่า 100 คน

3.ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อต้องเข้าชุมชน

4.เจลล้างมือช่วยได้ ทำให้เชื้อโรคตายแน่นอน

5. หากต้องร่วมสำรับ ต้องมีช้อนกลางส่วนตัวด้วย เพราะป้องกันคนป่วย ที่อาจยังไม่รู้ตัวร่วมสำรับ ซึ่งมือของผู้ป่วย ที่มาร่วมจับช้อนกลางด้วยนั้น ก็อาจทำให้เรา มีโอกาสติดเชื้อได้

6. หากกล้บมาจากประเทศ โดยเฉพาะประเทศเสี่ยง ต้องกักกันตัวเองให้ครบ 14 วันของระยะฟักตัว และต้องแยกตัวและอุปกรณ์ของใช้ทั้งหมด เพราะเราอาจนำเชื้อโรคไปติดคนในครอบครัวได้ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่สุงอายุ จะเสี่ยงอย่างมาก

นายกเยี่ยมรพ.ราชวิถี 200312 0023

สำหรับผู้ประกอบการต่างๆ ก็ต้องมีมาตรการออกมาดูแลป้องกันไวรัส COVID-19 เช่น คอนโดมิเนียม ต้องจัดให้มีการสแกนไข้คนเข้าออกตลอดเวลา และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ส่วนร้านอาหาร ควรต้องจัด ให้ที่นั่งระหว่างโต๊ะห่างกันอย่างน้อย 75 ซม. จัดเจลล้างมือให้ผู้มาใช้บริการ เป็นต้น

“เรายังควบคุมสถานการณ์ได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ฉากทัศน์ ที่จะเกิดการระบาดในวงกว้าง ที่ว่าไว้ ก็ยึดออกมาได้ 3 เดือนแล้ว การระบาดรุนแรง  มีคนติดเชื้อเป็นแสน คงไม่เกิดกับเรา เพียงขอให้ทุกคนช่วยกัน คนในชุมชนก็ต้องช่วยกัน อย่าผลักดันคนติดเชื้อให้ไปอยู๋ในมุมมืด คนที่ต้องเข้าข่ายกักตัวเอง เราต้องช่วยกันดูแลเขา ให้เขาอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ ดีกว่าผลักให้เขาไปอยู่ที่อื่น  ที่เราก็อาจตามไม่ได้  และหากตามไม่ได้ โอกาสของการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง จะเกิดขึ้นได้แน่นอน ! ” 

ขอให้ทุกคนยึดหลักไว้ว่า ป้องกันคนอื่น คือ ป้องก้นตนเอง ป้องกันตนเอง คือ ป้องกันคนอื่น หากเราไม่ดูแลกัน สุดท้ายปัญหาก็จะกลับมาที่เรา  

S 21217283

 

Avatar photo