หลังจากแมนฯ ซิตี้บุกไปพ่ายแมนฯ ยูไนเต็ดที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ดเป็นครั้งแรกรอบ 5 ปีเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกรอบ 30 ปีแบบสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่พรีเมียร์ลีก
ถึงตอนนี้ “หงส์แดง” นำโด่งเป็นจ่าฝูง มี 82 แต้มจากผลงานชนะ 27 เสมอ 1 แพ้ 1 ทิ้งห่างแมนฯ ซิตี้ ถึง 25 แต้มแต่แข่งมากกว่า 1 นัด
เรามี 3 เงื่อนไขสู่การฉลองแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 30 ปีของลิเวอร์พูลมาฝาก
ขออีก 6 แต้มจาก 9 เกมที่เหลือ
จากการที่แมนฯ ซิตี้ตามหลัง 25 แต้มกับ 10 เกมที่เหลือหากคว้าชัยได้ทั้งหมดจะมีแต้มเพิ่มเป็น 87 คะแนน ขณะที่ลิเวอร์พูล ตอนนี้มี 82 แต้มดังนั้นเก็บเพิ่มอีก 6 คะแนนก็เพียงพอคว้าแชมป์แล้ว
ไหนๆก็จะประกาศศักดาคว้าแชมป์หนแรกรอบ 3 ทศวรรษก็เอาให้มันกระฉ่อนลีกอังกฤษไปเลยด้วยการชนะ 2 เกมจากนี้ที่มีคิวเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ค วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม จากนั้นเปิดรังแอนฟิลด์รับมือ คริสตัล พาเลซ ในวันที่ 21 มีนาคม
หากชลิเวอร์พูลชนะ2นัดรวดจากนี้เช่นเดียวกับ “เรือใบสีฟ้า” ที่ชนะต่อเนื่อง”หงส์แดง” จะคว้าแชมป์ทั้งที่ยังเหลืออีก 7 นัดกลายเป็นแชมป์เร็วที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษหลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดครองสถิตินี้จากการคว้าแชมป์ในวันที่ 14 เมษายนในซีซั่น 2000-01 ขณะที่เหลือ 5 นัด
นอกจากนี้เกมลิเวอร์พูลเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม วันที่ 5 เมษายนนี้ขุนพลแมนฯ ซิตี้ จะต้องตั้งแถวปรบมือต้อนรับ “หงส์แดง” ในฐานะแชมป์ลีกทีมใหม่
ชนะเกมหน้าคว้าแชมป์
ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะทำศึกเมอร์ซี่ย์ ไซด์ ดาร์บี้ในวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม แมนฯ ซิตี้ มีโปรแกรมลงเล่น 2 เกมพบอาร์เซนอล วันพุธที่ 11 มีนาคม และ พบ เบิร์นลี่ย์ ในวันเสาร์ที่ 14 มีนาคม โดยเล่นที่เอติฮัด สเตเดี้ยมทั้งสองนัด
หาก”เรือใบสีฟ้า” ที่ช่วงนี้ฟอร์มไม่นิ่งเกิดสะดุดแพ้เกมใดเกมหนึ่งใน2เกมจากนี้แล้วชนะรวดทั้ง 8 เกมที่เหลือจะเก็บได้เพียง 84 แต้มไล่ไม่ทันลิเวอร์พูล ที่หากเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้จะมีเพิ่มเป็น 85 คะแนน
หรือหากแมนฯ ซิตี้เสมอทั้งสองเกมจากนี้แล้วชนะรวดทั้ง 8 เกมที่เหลือจะเก็บได้เพียง 83 แต้มหากหงส์แดงบุกเคี้ยวทอฟฟี่ได้ก็จะคว้าแชมป์ทันทีจากการมี 85 คะแนน และจะเป็นการคว้าแชมป์ทั้งที่เหลืออีก 8 เกมซึ่งเร็วที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษเหนือแมนฯ ยูไนเต็ดที่ทำไว้ 5 นัดเมื่อซีซั่น 2000-01
คว้าแชมป์ทั้งที่ยังไม่ลงเล่นเกมหน้า
อย่างที่บอกว่าก่อนลิเวอร์พูลจะลงเตะกับ เอฟเวอร์ตัน แมนฯ ซิตี้ ที่มีคิวเตะ 2 เกมซึ่งเป็นเกมในบ้านทั้งหมดหาก “เรือใบสีฟ้า” ยังฟอร์มแย่ไม่เลิกกล้าแพ้คาบ้านทั้งสองเกมจะส่ง”หงส์แดง” คว้าแชมป์ทันที่โดยที่ไม่ต้องลงเตะแล้วก็ได้
หากแมนฯ ซิตี้แพ้ทั้งสองเกมจากนี้แล้วชนะรวดทั้ง 8 เกมที่เหลือจะจบซีซั่นด้วย 81 คะแนนยังไงก็ไล่ ลิเวอร์พูล ที่มี 82 แต้ม ไม่ทัน ซึ่งจะทำให้ลิเวอร์พูลจะกลายเป็นแชมป์ขณะที่เหลืออีก 9 เกมเร็วที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเหนือแมนฯ ยูไนเต็ดที่ทำไว้ 5 นัดเมื่อซีซั่น 2000-01
นอกจากนี้เกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ที่กูดิสัน พาร์ค ขุนพลเอฟเวอร์ตันจะต้องยืนเข้าแถวปรบมือให้กับแข้งคู่อริร่วมเมืองในฐานะแชมป์ทีมใหม่