Economics

‘จุรินทร์’ สั่งสอบ ‘คนใกล้ชิดรัฐมนตรี’ เอี่ยวกักตุนหน้ากากอนามัย ลั่นผิดจริงฟันไม่เลี้ยง

“จุรินทร์”สั่งการกรมการค้าภายในจัดการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด กรณีมีข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรีเอี่ยวขายหน้ากากอนามัยราคาแพง ด้านอธิบดีกรมการค้าภายในเผยได้ส่งทีมงานไปตรวจสอบแล้ว ยันสินค้าไม่มีหลุดจากพาณิชย์ ระบุนับจาก 6 มีนาคม สินค้าจากโรงงานทุกชิ้นติดตามได้หมดไปที่ไหนบ้าง ปลัดพาณิชย์เผยผลจับกุมล่าสุด รวบแล้ว 102 ราย ย้ำอีกครั้ง ตั้งแต่วันนี้  ใครขายเกินราคาสูงสุด 2.50 บาทจับไม่ยั้ง

juu 1

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีการกักตุนที่ไหนอย่างไร แต่ถ้ามีเบาะแสที่ชัดเจนสามารถแจ้งมายังกรมการค้าภายในได้ เพราะที่ผ่านมา มีการร้องเรียนเข้ามามาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบ และจับกุมเกือบทุกวัน ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

ทางด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้วตั้งแต่เช้า หลังจากที่มีกระแสข่าวเกิดขึ้น แต่ก็อยากให้สังคมพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะเท่าที่ตรวจสอบบุคคลที่ตกเป็นข่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ และยืนยันได้ว่าสินค้าที่ส่งออกจากโรงงาน ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา ไม่มีหลุดรอด มีรายชื่อหมดส่งไปไหน หลังจากที่ได้เข้าไปบริหารจัดการหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น แต่ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์จะรู้ ในส่วนที่ปันส่วนออกมาประมาณ 5 แสนชิ้นต่อวันเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีคลิประบุว่ามีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะโรงงานในไทย 11 โรงงาน มีกำลังการผลิตรวมกันวันละ 1.2 ล้านชิ้น หรือเดือนละ 36 ล้านชิ้น เท่ากับว่าการมีสต๊อกสินค้ามากขนาดนั้น บางทีอาจใช้เวลาเป็นปี

วันเดียวกันนี้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ว่า กระทรวงได้จัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมเป็นต้นมา  ปัจจุบันจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 102 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 74 ราย ต่างจังหวัด 28 ราย ในความผิด 2 ข้อหา คือ มาตรา 28 ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และความผิดตามมาตรา 29 และ 30 คือ การค้ากำไรเกินควรและกักตุนสินค้า มีโทษหนักจำคุก 7 ปี ปรับสูงสุด 1.4 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนการจับกุมผู้ค้าออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์  และอินสตาแกรม กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันได้จับกุมไปทั้งหมด 14 ราย

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมเป็นต้นไป กระทรวงจะได้ดำเนินการตรวจสอบและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายเกินราคาที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ ชิ้นละ 2.50 บาท ซึ่งหากพบผู้กระทำความผิด จะถูกดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาที่กฎหมายกำหนด เป็นความผิดตามมาตรา 25 มีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่หากพบว่าผู้กระทำผิดขายแพงเกินจริงและมีการกักตุนสินค้าด้วย จะเป็นความผิดทั้ง 2 กระทง โดยจะได้รับโทษหนักกว่า คือ จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ผู้พบเห็นการกระทำความผิดดังกล่าว โปรดแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายังกรมการค้าภายใน โดยใช้สายด่วน 1569 หรือสื่อโซเชียลของกรมการค้าภายในเพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบและจับกุมต่อไป

Avatar photo