นายปริเขต สืบสหการ ผู้อำนวยการทัวร์นาเมนท์ การบินไทย เจ็ตสกีเวิลด์คัพ เปิดเผยว่าด้วยภาวะการชะลอตัวด้านการท่องเที่ยวจากปัญหาไวรัสโคโรน่า ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศไทย และหลายฝ่ายได้คาดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวจะขับเคลื่อนช้าไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้เห็นว่าทัวร์นาเม้นท์เจ็ตสกีโลก น่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุน การประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นต่อการกลับมาท่องเที่ยวเมืองไทย เมื่อสถานการณ์พร้อม รวมไปถึงช่วยเร่งเพิ่มเม็ดเงินทางเศรษฐกิจที่การกีฬาแห่งประเทศไทยประเมินปีที่ผ่านมา 700 ล้านบาท ดันสู่เป้าหมาย 1,000 ล้านบาท
“เรากำลังเดินหน้าทำโครงการ “กีฬาอาชีพ ติดธงชาติไทย” เนื่องจากเห็นความสำเร็จชัดเจนว่า ทัวร์นาเม้นท์ที่ใช้เงินลงทุนรวม 70-80 ล้านบาท ถ้าบริหารให้ไม่ขาดทุนแล้ว กลับสร้างประโยชน์ สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจให้กับชาติได้มากถึง 700 ล้านบาท ส่งผลดีต่อประเทศไทยอย่างมาก โดยขณะนี้ ทัวร์นาเม้นท์มีสถานะและเครดิตเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ทำให้มีผู้ร่วมกิจกรรมในปีที่ผ่านมามากถึง 10,299 คน ในจำนวนนี้ ถ้าเป็นทีมต่างชาติ จะต้องมาอยู่ในเมืองไทยขั้นต่ำ 5-14 วัน ทั้งนี้ หากต่อยอดเพิ่มเงินลงทุนอีก 10-20 ล้านบาท จัดงานแสดงเจ็ตสกีโลก และการจัดประชุมสัมมนาของผู้ผลิตเจ็ตสกีโลกสำเร็จ เชื่อมั่นว่าจะมียอดผู้ร่วมงานนานาชาติเพิ่มอีกกว่า 5,000 คน นอกจาก นั้น มีบริษัททัวร์นำเข้านักท่องเที่ยวยุโรป ญี่ปุ่น ติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อบัตรชมการแข่งขันหลายบริษัทแล้วในต้นปีนี้”
“เรามุ่งใช้การขึ้นเป็นผู้นำในการบริหารกีฬาเจ็ตสกีโลก สร้างประโยชน์สูงสุดกับชาติไทย หลักการคือการใช้ทัวร์นาเม้นท์เวิลด์ซีรี่ส์ (เวิลด์ทัวร์) ออกไปประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ที่ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกา ซึ่งก็คือเน้นไปโรดโชว์ทั้งกลุ่มนักกีฬาและวงการเจ็ตสกีทั่วโลก ให้ทุกคนอยากมาสนามชิงชนะเลิศ กรังด์ปรีซ์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เมืองไทย มีจำนวนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกันนั้น การที่เราเป็นสนามแข่งอันดับที่ 1 ของโลก จึงได้รับความสำคัญให้ออก อากาศทางสถานีโทรทัศน์กีฬาโลกเช่น ยูโรสปอร์ต ซึ่งเรตติ้งในปีที่ผ่านมา เข้าถึงการรับชมในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวคุณภาพสูงถึง 60 ล้านคน จาก 154 ล้านครัวเรือน และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเครือข่าย ฟอกซ์สปอร์ต เพื่อขยายฐานการรับชมเพิ่มเป็นกว่า 250 ล้านครัวเรือนทั่วโลก และมีเป้าหมายเข้าถึงผู้ชม 100 ล้านคนในปีนี้”
“เราภูมิใจอย่างยิ่งที่กีฬาเจ็ตสกีช่วยสร้างประโยชน์แก่ชาติไทย ซึ่งแบ่งเป็นเป้าหมาย 4 ส่วน ได้แก่ 1.ส่วนสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจจากทัวร์นาเม้นท์เวิลด์คัพ 1,000 ล้านบาท 2.ส่วนผลักดันสร้างกระแสตลาดกีฬาภายในประเทศ 2,000 ล้าน และ 3.ส่วนมูลค่าสื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ถ้าคิดเพียง 50 ล้านคน*1ดอร์ล่าสหรัฐ เท่ากับมูลค่าสื่อมากถึง 1,500 ล้านบาท 4.การสนับสนุนการสร้างอุปกรณ์เจ็ตสกีเพื่อส่งออก ซึ่งวันนี้เรามีบทบาทการเป็นผู้นำบริหารกีฬาเจ็ตสกีโลก ทำให้เพิ่มน้ำหนักที่จะช่วยสนับสนุนอุตสากรรมกีฬาไทยมากขึ้น ขณะนี้มีมากกว่า 2 บริษัท ที่พร้อมจะผลิตเรือแข่งเข้าสู่ตลาดโลก ซึ่งเรายังไม่นับมูลค่าด้านนี้ มีเป้าหมายรวมกว่า 4.5 พันล้านบาท” นายปริเขต กล่าว
