การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สร้างความตื่นตระหนก และกังวลไปทั่วโลก ท่ามกลางการรายงานถึงจำนวนผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
สำหรับในไทยนั้น มีรายงานการพบผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 25 คน รักษาหายแล้ว 9 คน โดยไม่มีการพบผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
แม้จะมีหลายคนแสดงความไม่พอใจ และไม่ถูกใจกับมาตรการของรัฐบาลเกี่ยวกับการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างหนึ่ง การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยค่อนข้างนิ่ง ไม่ได้พบกันเป็นรายวันเหมือนกับหลายประเทศ สะท้อนให้เห็นการคัดกรองที่ค่อนข้างมีคุณภาพ
เรื่องดังกล่าวไม่น่าแปลกใจมากนัก เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงที่ว่า “ระบบความปลอดภัยด้านสาธารณสุข” ของไทย ค่อนข้างจะเข้มแข็ง ติดอยู่อันดับ 6 ของโลก ในการจัดอันดับครั้งล่าสุดของ “ดัชนีความมั่นคงด้านสาธารณสุขโลก” (Global Health Security Index) หรือ “GHS Index” ที่จัดทำขึ้นโดยทีมนักวิจัยโครงการ Nuclear Threat Initiative มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ และ The Economist Intelligence Unit ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของนิตยสาร The Economist ซึ่งชื่อว่าเป็นการประเมินสถานะความมั่นคงด้านสุขภาพโลกที่ครอบคลุมที่สุดฉบับแรก
รายงานที่เผยแพร่ออกมาตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องใน 195 ประเทศ และวิเคราะห์ปัจจัยที่สำคัญ 6 ปัจจัยอันได้แก่ การป้องกัน การตรวจจับและรายงาน ความรวดเร็วในการโต้ตอบ และรับมือ ระบบสาธารณสุข มาตรฐานการปฏิบัติตามบรรทัดฐานโลก และความเสี่ยงต่างๆ
รายงานแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีคะแนนสูงเป็นอันดับที่ 6 ด้วยคะแนน 73.2 จาก 100 คะแนน และเป็นประเทศกำลังพัฒนาหนึ่งเดียวในกลุ่มประเทศที่มีการเตรียมพร้อมด้านความมั่นคงทางสุขภาพสูงสุด 15 อันดับแรกของโลก โดยอันดับ 1 ตกเป็นของ สหรัฐ ตามมาด้วย สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และแคนาดา
เมื่อแบ่งตามปัจจัยที่ใช้ในการวิเคราะห์ ประเทศไทยได้คะแนนสูงสุดในด้านการตรวจจับ และรายงาน ที่ 81 คะแนน ขณะที่คะแนนด้านความเสี่ยงต่างๆ อยู่ในระดับต่ำ ที่ 56.4
ส่วนจีน ที่เป็นประเทศศูนย์กลางการระบาดครั้งนี้ อยู่ในอันดับที่ 51 ด้วยคะแนน 48.2 และมีคะแนนระดับความเสี่ยงต่างๆ ที่ 64.4 ซึ่งสูงที่สุด เมื่อเทียบกับ 5 ปัจจัยอื่น