หลังจากที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ ทั้ง 6 คนเข้าหารือเมื่อเร็วๆ นี้ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อหาแนวทางการจัดการวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งตามกฎหมายมีวาระอยู่ได้ 6 ปี แต่เมื่อครบ 3 ปี กรรมการต้องจับสลากออกครึ่งหนึ่ง พร้อมกับย้ำว่า คณะกรรมการชุดนี้ดำรงตำแหน่งเกิน 3 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ
คณะกรรมการชุดนี้ถูกแต่งตั้งด้วยมาตรา 44 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคสช. และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 สั่งปลดบอร์ดชุดเดิม และตั้งชุดนี้มาใหม่ เท่ากับว่าคณะกรรมการชุดนี้ถูกแต่งตั้งโดยคสช. ด้วยม.44 ตามหลักของพ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน กำหนดให้เรกูเลเตอร์อยู่ในตำแหน่งได้ครั้งละ 6 ปี แต่เมื่อครบ 3 ปี กรรมการต้องจับสลากออกครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือสามารถอยู่ได้ถึง 6 ปี ส่วนจับสลากออกครึ่งหนึ่งก็ต้องสรรหาเข้ามาใหม่
ตีกรอบป้องกันตัวถามกฤษฎีกาก่อน
เรกูเลเตอร์ชุดนี้ ได้มีการปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ตีความว่าการเข้ามาเป็นกรรมการเรกูเลเตอร์ด้วยม.44 ต้องออกจากกรรมการเมื่อครบกำหนด 3 ปี หรือไม่ ต้องปฎิบัติตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงานหรือไม่
ช่วงที่ผ่านมามีกรรมการเรกูเลเตอร์ 1 คนที่อายุครบ 70 ปี ซึ่งต้องพ้นจากตำแหน่ง คือนายไกรสีห์ กรรณสูต เมื่อปลายปี 2560 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้สรรหาใครเข้ามาแทน
เบื้องหลัง”วิษณุ”เรียกเรกูเลเตอร์เคลียร์
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่นายวิษณุ ต้องเชิญกรรมการเรกูเลเตอร์ทั้ง 6 คน เข้าไปหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อต้องการที่จะเคลียร์ปัญหา ให้กรรมการลาออกครึ่งหนึ่ง หรือ 3 ปี เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายในการดำรงตำแหน่ง
“ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีพลังงานได้แจ้งให้นายวีระพล จิรประดิษฐกุล โฆษกเรกูเลเตอร์ ไปแจ้งให้กรรมการเรกูเลเตอร์ลาออกครึ่งหนึ่ง แต่นายวีระพล ไม่กล้าที่จะไปแจ้งกรรมการ ทางผู้ใหญ่เลยขอให้นายวิษณุเป็นผู้ที่เข้ามาดำเนินการเรื่องนี้แทน จึงเป็นเหตุให้นายวิษณุ เรียกกรรมการทั้ง 6 คนไปเจรจา ในการหารือวันนั้นนายวิษณุไปได้ระบุว่าจะให้กรรมการท่านไหนลาออก เพียงแต่บอกว่าให้พวกคุณไปตกลงกันเอง” แหล่งข่าว ระบุ
ลั่นสัปดาห์นี้ต้องได้คำตอบใครต้องลาออก
ภายในสัปดาห์นี้ ต้องได้คำตอบว่ากรรมการคนไหนต้องลาออก อย่างไรก็ตามในปี 2562 จะมีกรรมการ 2 คนที่อายุครบ 70 ปี แต่ตอนนี้ก็ไม่ลาออก ดังนั้นเรื่องนี้กรรมการเรกูเลเตอร์ก็ต้องตกลงกันเองว่าใครจะเป็นผู้ที่จะลาออก
“ปัญหาตอนนี้คือไม่มีกรรมการคนไหนอยากลาออก อันที่จริงหากจะให้ออกควรที่จะดำเนินการไปตั้งแต่ตอนที่ครบ 3 ปีแล้วแต่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นปีแล้ว”
ส่วนที่เกรงกันว่าจะมีการยุบเรกูเลเตอร์นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่าคงไม่มีการยุบแน่นอน แต่ประเด็นที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือต้องการเปลี่ยนกรรมการมากกว่า
“ประเด็นสำคัญตอนนี้คงอยากมีใครที่จะเข้ามาเป็นกรรมการมากกว่า เลยต้องให้กรรมการที่มีอยู่เร่งลาออก เพื่อจะได้แต่งตั้งคนใหม่เข้าไป”
“ศิริ”อ้างกรรมการทำงานมา4ปีแล้ว
ขณะที่นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การเปลี่ยนบอร์ดกกพ. 6 คน จะปรับอย่างไรนั้น ต้องรอบอร์ด กกพ.เสนอ เพราะตามกฎหมายวาระแรกต้องออกกึ่งหนึ่งทุก 3 ปีแล้วสรรหาทดแทน บอร์ดกกพ.ชุดนี้ทำงาน 4 ปีแล้ว แต่งตั้งโดยคำสั่ง คสช.เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2557
“ตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการ กกพ.ชุดนี้ ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนในช่วง 4 ปี มีเพียงอายุครบ 70 ปีไป 1 คน จึงเหลือ 6 คน ยืนยันว่ากรรมการทุกคนไม่มีใครทำงานผิดพลาด หรือมีผู้ใดทำความผิดจากนโยบายและสามารถทำงานได้ดีมาตลอด ส่วนจะใช้วิธีใดในการปรับ ก็ให้ กกพ.เสนอมา”นายศิริ กล่าว
มึนยกเลิกรองผู้ว่ากฟผ.ลาออกชั่วข้ามคืน
ก่อนหน้านี้ ในตำแหน่งที่ว่างของนายไกรสีห์นั้น คาดกันว่าจะมีการเสนอชื่อให้นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เข้ามานั่งแทน ซึ่งนายสหรัฐก็ได้ยื่นลาออกจากรองผู้ว่ากฟผ.ไปแล้วช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560
ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 นายกรศิษฎ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่ากฟผ. ขณะนั้น ได้มีคำสั่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เรื่องยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้พนักงานลาออก ระบุว่าอนุสนธิคำสั่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ ข 432/2560 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 อนุญาตให้นายสหรัฐ รองผู้ว่าการกฟผ.ลาออกจากการเป็นพนักงานกฟผ.ได้ตามความประสงค์ โดยให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่และขาดจากอัตราเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 นั้น เนื่องจากปรากฎว่า มีความคลาดเคลื่อนในคำสั่ง ดังนั้นจึงขอยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้พนักงานลาออก
เรื่องดังกล่าวสร้างความสับสนให้กับพนักงานพอสมควร ประกอบกับมีผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ไปนั่งกรรมการเรกูเลเตอร์ ทำให้ต้องยกเลิกคำสั่งในทันที
ไขปริศนา! กระดาษ3แผ่นในครม.
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีการจับตามองกันว่า การเสนอให้กรรมการเรกูเลเตอร์ลาออกจะเข้าสู่กระบวนการตามเอกสาร 3 แผ่นที่มีการนำเข้าไปแจกในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 หรือไม่ เพราะตามเอกสาร 3 แผ่นนั้น โดยรวมนอกจากจะเป็นการลดบทบาทบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) และกฟผ.แล้ว ในตอนท้ายๆของเอกสารเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในข้อ 10. เสนอที่จะให้มีการปรับปรุงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ให้ปราศจากองค์ประกอบ ที่เป็นอดีตผู้บริหารของ กฟผ. การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และปตท. ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของคณะกรรมการและผูกขาดกิจการพลังงานอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้คณะกรรมการสามารถทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการพลังงานทั้งหมดได้อย่างจริงจัง มากกว่าการเกื้อหนุนรักษาผลประโยชน์ขององค์กรที่ตัวเองเคยอยู่มา
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากเอกสาร 3 แผ่นที่มีการแจกให้กับครม. ถูกเผยแพร่ไปทั่ว ทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ขึ้น ว่ามีสาเหตุอะไร ทำไมต้องถึงมีการจัดการด้านพลังงานอย่างที่มีการกำหนดไว้ในเอกสาร 3 แผ่น มีการนำเสนอเรื่องเหล่านี้มาจากใคร องค์กรไหน หน่วยงานใด หรือเอกชนไหน ช่วงที่ผ่านมาถูกปฎิเสธมาตลอดว่าเอกสารนี้ยังไม่เป็นความจริง
ลุ้นทายาทเรกูเลเตอร์ใหม่สายใคร
แต่หากพิจารณาจากสิ่งที่กำลังจะปรากฏกับการเปลี่ยนกรรมการเรกูเลเตอร์ตอนนี้ ก็เป็นที่น่าจับตามองว่า ใครคือผู้ที่จะได้เข้ามานั่งเป็นกรรมการ หรือใครจะส่งตัวแทนเข้ามานั่งเป็นกรรมการ
“ตอนนี้เริ่มมีการจับตามองกันแล้วว่า กรรมการที่จะเข้ามานั่งในบอร์ดเรกูเลเตอร์เป็นใคร หรือใครที่จะเป็นคนส่งเข้ามา เริ่มมีการวิพากวิจารณ์กันมาก โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน”
