“พลังงาน” วาง 5 มาตรการ รองรับสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่าน พร้อมเปิดวอร์รูมรับมือ สร้างความมั่นใจปริมาณน้ำมัน-ก๊าซไม่ขาด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวชี้แจงกรณีสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และอิหร่านที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกว่า กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมิน และเตรียมการหากเกิดสถานการณ์ที่วิกฤตเพิ่มขึ้น
โดยวันนี้ได้มีการประชุมหารือและได้เตรียมการที่สำคัญ 5 มาตรการ ดังนี้
1.ด้านปริมาณสำรอง ปัจจุบัน ณ วันที่ 5 มกราคม 2563 ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 2,988 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,144 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,468 ล้านลิตร รวมจำนวนวันที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด 50 วัน
2.ปริมาณสำรองก๊าซปิโตรเลียมเหลว ( LPG ) ทั้งหมดประมาณ 101 ล้านกิโลกรัม สำรองได้ 17 วันสำหรับใช้ในภาคครัวเรือน
3.บริหารจัดการ เพื่อกระจายความเสี่ยงระยะยาว โดยกลุ่ม ปตท. ได้ปรับลดสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางที่เคยสูงถึงกว่า 74% และล่าสุดปรับลดเหลือประมาณ 50%
4.ด้านการผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ปัจจุบันผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 1.3 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะขอความร่วมมือในการงดส่งออกน้ำมันดิบ ซึ่งจะได้ปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้นประมาณ 25,000 บาร์เรลต่อวัน
และหากมีเหตุฉุกเฉิน สามารถเพิ่มการผลิตภายในประเทศให้มากขึ้นอีก 36,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะขอความร่วมมือกับโรงกลั่นน้ำมันให้หาทางออกด้านเทคนิคเพื่อใช้น้ำมันดิบในประเทศทั้งหมด
5.ในด้านบริหารราคาน้ำมันเชื้อเพลิง กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีเกณฑ์สำหรับการบริหารจัดการราคาน้ำมันในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้มีการจัดทำเป็นทางเลือก ( Scenario) ในช่วงระดับราคาต่างๆ ในการบริหารจัดการราคาน้ำมัน ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด อยู่ที่ประมาณ 37,000 ล้านบาท
“ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า กระทรวงพลังงาน จะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ด้านความมั่นคงของการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีใช้อย่างต่อเนื่อง และด้านราคา ไม่ให้เกิดความผันผวนจนส่งผลกระทบต่อประชาชน “ นายสนธิรัตน์ กล่าว