ประธานบอร์ดหัวเว่ย เผย ปี 2562 ยังเติบโตได้ 18% แม้โดนสหรัฐแบน แต่ทำให้แข็งแกร่งขึ้น คาดการณ์ปี 63 เป็นปีแห่งความท้าทาย เหตุสหรัฐวางเป้าหมายโจมตีหัวเว่ยเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว
นายอีริค สวี ประธานคณะกรรมการ หมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย ได้เผยแพร่ข้อความอวยพรปีใหม่แก่พนักงานของบริษัท พร้อมขอบคุณสำหรับการทำงานหนักอย่างทุ่มเทในช่วงปีแห่งความท้าทาย อีกทั้งยังย้ำให้พนักงานเตรียมพร้อมหากต้องเผชิญความยากลำบากในปีที่จะมาถึง
ทั้งนี้ หัวเว่ยมองว่า ปี 2563 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เนื่องจากคาดว่า ชื่อของหัวเว่ยจะยังอยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ ต่อไป โดยความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการโจมตีหัวเว่ยถือเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เสมอ ดังนั้นในปี 2563 นี้ จึงถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของหัวเว่ยในการพัฒนาตนเองและเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเคย
“ฐบาลสหรัฐฯ จะพยายามยับยั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของเรา แต่หัวเว่ยจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จ” นายสวีกล่าว พร้อมเผยว่า รายได้ของหัวเว่ยในปี 2562 จะอยู่ที่ 850 พันล้านหยวน หรือประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 18% จากปี 2561
นอกจากนี้ ธุรกิจหลักของหัวเว่ยทุกกลุ่มมีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม หัวเว่ยเป็นผู้นำในการติดตั้งใช้งานเทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ระดับโลก ด้วยการคว้าสัญญาเชิงพาณิชย์เพื่อติดตั้งเครือข่าย 5G ไปแล้วกว่า 50 ฉบับทั่วโลก
ในส่วนของธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ยังคงช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรม กว่า 700 เมือง และบริษัทชั้นนำในลิสต์ Fortune Global 500 ถึง 228 แห่ง ได้เลือกหัวเว่ยเป็นพันธมิตรในการทรานสฟอร์มด้านดิจิทัล และจากการส่งมอบสมาร์ทโฟนตลอดทั้งปีกว่า 240 ล้านเครื่อง
สำหรับธุรกิจคอนซูเมอร์ของหัวเว่ยก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกเหนือจากสถิติยอดขายสมาร์ทโฟนที่น่าประทับใจแล้ว ยอดขายอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables) ในปี 2562 ของบริษัทยังเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 243% ด้วยยอดการจัดส่ง 5.9 ล้านชิ้น และครองส่วนแบ่งทางการตลาด 13% ทั่วโลก
ในข้อความอวยพร มร. สวี ยังได้กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งที่พนักงานทุกคนตั้งใจทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน และกล่าวชื่นชมทีมงานที่ต้องทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อ “อุดรูรั่วบนเครื่องบินที่ผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชนลำนี้”
อีกทั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โฆษกของหัวเว่ยได้ประกาศว่าบริษัทจะให้โบนัสมูลค่ารวม 2,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 8,600 ล้านบาท แก่พนักงาน แทนคำขอบคุณที่ได้ช่วยให้บริษัทผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบาก หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ประกาศแบนหัวเว่ย
ขณะเดียวกันหัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนา โดยเตรียมงบประมาณไว้ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันคุณภาพที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลกภายใน 5 ปีนับจากนี้
