“สนธิรัตน์” โต้โผ ฟอร์มทีมตั้งบอร์ดระดับชาติ ขับเคลื่อนแผนส่งเสริมรถ EV ทั้งการใช้ และการผลิต หวังสร้างฐานอุตสาหกรรมในประเทศ พร้อมหนุนสตาร์ทอัพพัฒนาแบตเตอรี่รถ โปรโมทภาคขนส่งใช้ EV คู่ไบโอดีเซล ประหยัดพลังงาน-ลดฝุ่น
วันนี้ (14 ธ.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าภาคขนส่งเป็น กลุ่มที่ใช้พลังงานสูงสุดสัดส่วน 40% ของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ กระทรวงพลังงานจึงมุ่งเน้นมาตรการประหยัดพลังงานภาคขนส่ง
โดยการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นมาตรการหนึ่ง ซึ่งตามแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2558 – 2579 (EEP 2015) ตั้งเป้าหมายส่งเสริมรถ EV ในปี 2579 รวม 1.2 ล้านคัน ล่าสุดได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าติดฉลากเบอร์ 5 ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปแล้ว นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของรถ EV ในประเทศไทย
และกำลังมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ มีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ กระทรวงคมนาคม เป็นต้น ส่วนประธานจะมีการเชิญดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อจัดทำแผนส่งเสริม EV ของประเทศ ทั้งแผนส่งเสริมการใช้ และการสนับสนุนด้านภาษี เพื่อทำให้เกิดการสร้างฐานการผลิตในประเทศ
“การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ก็เพราะช่วยลดมลพิษในเขตเมือง ทำให้เมืองน่าอยู่ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพด้วย เพื่อสร้างระบบแบตเตอรี่สำรอง ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้า เพื่อรองรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับ EV และโครงการระบบรางต่างๆ เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟชานเมืองรอบกรุงเทพฯ ที่เป็นสถานีหลัก โดยจะต้องกำหนดอยู่ในโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าต่าง ๆ ส่วนหนึ่งของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP)”
นายสนธิรัตน์ ยังได้กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ทิศทางพลังงานภาคการขนส่งจะไปทางไหน B20 หรือรถไฟฟ้า” ในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ของสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และงานอินเตอร์เนชันแนล ทรัคโชว์ 2019 ที่จังหวัดนครสวรรค์ ว่า สมาคมฯ เป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางถนนที่ใช้รถบรรทุกเป็นหลัก นับว่ามีความสำคัญในการสนับสนุน การกระจายการค้าภายในประเทศ และในกลุ่มอาเซียน เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เกิดการหมุนเวียนสินค้า สร้างความเจริญให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตามภาคขนส่ง ส่วนใหญ่เป็นรถดีเซล กระทรวงพลังงานจึงได้ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในภาคขนส่ง ทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพที่สะอาดมีส่วนช่วยลด PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ยกระดับการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจากปาล์ม จากดีเซล B7 เป็น ดีเซล B10 ใช้สำหรับรถยนต์ดีเซลทั่วไป และดีเซล B20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ และค่าครองชีพของประชาชน ช่วยแก้ปัญหาน้ำมันปาล์ม สร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันให้เกษตรกร
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พยายามเร่งขับเคลื่อนมาตรฐานยูโร 5 คาดว่าจะบังคับใช้กับเครื่องยนต์ และคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานใหม่ได้ภายใน ปี 2567
