COLUMNISTS

ศึกชิงบัลลังก์ ‘ไอแบงก์’ วางฐานเพื่อคนตัวเอง

Avatar photo
332

999885 537314276327624 230963451 n

ช่วงที่ผ่านมาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ได้เปิดสรรหาผู้จัดการธนาคารไปตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ปรา กฏว่า มีผู้สนใจมายื่นใบสมัครเพียงแค่ 2 คน

คนแรกมาจาก ผู้บริหารธนาคารธนชาต ส่วนอีกคน  เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นผู้ที่เคยสมัครรอบก่อน และเคยแสดงวิสัยทัศน์ในการสรรหารอบก่อนมาแล้ว ก่อนที่คณะกรรมการสรรหาจะล้มสรรหาไป

ว่ากันว่าการสรรหารอบนี้ไม่ธรรมดา เรียกว่ามีการ “ล็อกตัว” ไว้แล้ว เพราะได้รับแรงสนับสนุนจาก ขาใหญ่ประจำกระทรวงการคลัง เม้าท์กันสนั่นทำนองส่งเข้าประกวดเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้นจะใช้เวลาพิจารณาคุณสมบัติอย่างไร  ไม่แปลกที่ที่ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารจะไปตกอยู่กับ เด็กขาใหญ่ ในที่สุด

การสรรหาผู้จัดการไอแบงก์มีเรื่องต้องให้วิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ก่อนหน้านี้ก็มีเด็กฝากเข้ามารอบหนึ่งแล้ว แต่บังเอิญเด็กฝากอายุเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดไว้

ความพยายามที่จะให้เด็กฝากประสบความสำเร็จตอนนี้ ถึงขั้นมีใบสั่งให้มีการแก้ไขระเบียบการจัดสรรหาเสียด้วยซ้ำ ให้แก้ไข สเปค ปรับลดอายุผู้สมัคร จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าไม่เกิน 55 ปีในวันสมัคร สั่งให้มีการแก้ไขไม่ให้มีการระบุ ทำเอาผู้บริหารไอแบงก์ที่รับผิดชอบถึงกับ ” ผงะ” แต่ก็ไม่สามารถจะทำตามได้ ในที่สุดก็ต้องล้มสรรหาไป

ความพยายามที่จะสอดแทรกเด็กในคาถา เข้ามาคุมไอแบงก์ เรียกว่าไม่หมดความพยายาม มารอบนี้ก็ไปสรรหาคนใกล้ชิดของตัวเองอีกครั้ง จนทำให้ใครต่อใครก็รับรู้รับทราบกันไปทั่วไอแบงก์แล้วเวลานี้ว่า การสรรหาผู้จัดการธนาคารมีกระบวนการสอดแทรกมาจากขาใหญ่กระทรวงการคลังเสียแล้ว

วันนี้เริ่มมีคนนินทากันสนั่นทั้งที่ไอแบงก์และที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะคนที่ใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี เกิดความสงสัยทำนองเกิดอะไรขึ้น ทำไมเริ่มมีกระบวนการวางคนใกล้ชิด เจาะพื้นที่เต็มไปหมด โดยเฉพาะในส่วนของธนาคารไม่เฉพาะแต่ไอแบงก์ ยังรวมไปถึงธนาคารออมสินเสียด้วย

ไม่เฉพาะแต่การตัวตำแหน่งผู้จัดการธนาคาร แม้กระทั่งตอนนี้ไปหยิบเอาผู้ที่เหลืออายุงาน 3-4 เดือนมานั่งคุมการบริหารเสียใหญ่โต ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าแบงก์นี้หาใครมาช่วยบริหารไม่ได้แล้วหรือ

หนักไปกว่าแว่วๆ มาว่าตอนนี้เริ่มส่งกลิ่นอะไรบางอย่าง เริ่มสร้างการต่อรองกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นหนี้แบงก์กันเสียแล้ว แต่เดิมประกาศกันหนักแน่นว่า จะไม่มีการแฮร์คัทลูกหนี้ ไม่ต้องการให้ลูกหนี้ล้มบนฟูก แต่ตอนนี้ เริ่มมีส่งสัญญาณถึงลูกค้าเก่าๆ ทำนองจะแฮร์คัทให้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบางอย่าง อะไรกันนี่

หากเป็นอย่างนี้รับรองแบงก์นี้อาจต้องกลับไปสู่วังวนเดิมๆ ซึ่งมีทั้งที่อาจจะสร้างความเสียหาย นำไปสู่เอ็นพีแอลที่อาจจะเพิ่มขึ้น สุดท้ายลูกหนี้เก่าๆ วันหนึ่งอาจเป็นลูกหนี้ดีแบบไม่รู้ตัว เพียงเพราะมีการช่วยเหลือจากใครบางคน แต่สุดท้ายแบงก์ยังจะยืนอยู่ต่อไปได้แค่ไหน

ย้อนกลับไปในยุคก่อนที่ “ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์” นั่งเป็นประธาน เรียกว่าอยู่ในขั้น “โคม่า” ทั้งขาดทุน มีหนี้เสียมากกว่าครึ่งของสินเชื่อทั้งหมด

หนี้เสียล้วนมาจากการปล่อยสินเชื่อที่ไม่ถูกต้อง มีการเอื้อประโยชน์จากคนในเกือบทั้งสิ้น พอร์ตสินเชื่อของไอแบงก์ ก่อนที่จะเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ  มีสัดส่วนสินเชื่อดีน้อยมาก

ธนาคารที่ดีทั่วไปจะมีสัดส่วนของหนี้ดีมากกว่า 90% ส่วนใหญ่ก็มีมากกว่า 95% สำหรับไอแบงก์มีสัดส่วนของสินเชื่อดีแค่ 20% เป็นหนี้เน่าที่เห็นชัดเจน 50% ส่วนที่เหลือเป็นหนี้ที่ไม่ดี แต่ธนาคารประคับประคองแก้ไขอีก 30%

หนี้เสียทั้งหมดเป็นสินเชื่อรายใหญ่และรายกลาง ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2553-2555 เกิดจากการตอบสนองความต้องการทางการเมือง  นักธุรกิจบางกลุ่ม ทำให้การปล่อยสินเชื่อมีความไม่โปร่งใส ซึ่งไอแบงก์ต้องติดตามหนี้ก้อนนี้กลับมา มีทั้งการฟ้องแพ่ง เพื่อเรียกหนี้คืน  รวมถึงการเอาผิดทางอาญากับคนที่ทุจริต

ก่อนที่ “ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์” จะลุกออกจากเก้าอี้ประธานไอแบงก์ ได้เข้ามาจัดหารปัญหาที่หมักหมม กระทั่ง ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบ ในส่วนของป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องไปตรวจสอบหาผู้กระทำผิดแล้วกว่า 30 เรื่อง

 วันนี้เมื่อคล้อยหลัง “ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์” อะไรก็เริ่มจะเกิดขึ้นเสียแล้วหรือนี่ !!!