บอร์ด กฟผ.ตั้งคณะทำงาน เร่งปรับโครงสร้างองค์กร รองรับโลกยุคใหม่ เตรียมพร้อมสู่การเป็น “ไฟฟ้าดิจิทัล”
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ประธานคณะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ จะตั้งคณะทำงาน เพื่อวางแนวทางปรับโครงการสร้าง กฟผ. ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของกิจการพลังงานในระยะยาว ขณะเดียวกันให้เป็นองค์กรไฟฟ้ารองรับโลกยุคดิจิทัล รวมถึงหาโอกาสในธุรกิจใหม่มาทดแทนกำลังผลิตของกฟผ.ที่ลดลงเหลือ 33.82% ณ เดือนกันยายน 2562
โดยคณะทำงานชุดนี้ จะมีตนเองเป็นประธาน และดึงทุกภาคส่วนมาร่วม ทั้งผู้บริหารกฟผ. และตัวแทนจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจกฟผ. รวมถึงคนรุ่นใหม่กฟผ.ที่ต้องเข้ามามีบทบาท ผลักดันให้องค์กรเดินไปข้างหน้าได้ด้วย ทั้งนี้จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกันอย่างจริงจังในเดือนธันวาคม จากนั้นจะจัดทำเป็นแผนงานไปสู่การปฏิบัติต่อไป
ในส่วนของธุรกิจใหม่ ในเบื้องต้นที่จะทำได้ คือ ธุรกิจเทรดดิ้งไฟฟ้า ซึ่งได้มีการหารือกับคณะกรรมการ กฟผ.แล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ระหว่างตั้งเป็นบริษัทลูกของกฟผ.หรือเป็นหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ภายในกฟผ. ซึ่งต้องหารือในรายละเอียดกันต่อไป รวมไปถึงธุรกิจเกี่ยวกับ AI
ขณะเดียวกันกฟผ.ก็ต้องเป็นองค์กร ที่ไปสู่การเป็นไฟฟ้าดิจิทัล (Virtual Power Plant) เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน และการลดการสูญเสียในระบบส่ง ด้วย Smart Grid และต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพต่อหน่วยของโรงไฟฟ้า การนำ Big Data เข้ามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด การลดต้นทุนต่อหน่วยการผลิตต่ำ และการใช้เชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพ
“ทิศทางของกฟผ.ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ รวมถึงหาธุรกิจใหม่เข้ามาเสริม ไม่อยากให้ซ้ำรอยทีโอที เพราะกฟผ.เป็นองค์กรสถาบัน และเชื่อมั่นว่ากฟผ.จะแตกต่าง ไม่เดินไปสู่จุดนั้น ”
ด้านนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง กฟผ. ระบุว่า กฟผ.มีแนวทางเพิ่มรายได้ในหลายทาง เช่น ธุรกิจซ่อมและบำรุงรักษาพลังงานหมุนเวียน เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว รวมถึงพลังงานลม ที่ต้องเริ่มซ่อมบำรุงหลังการใช้งาน 6 ปี หรือโซลาร์ลอยน้ำ นอกจากนี้ยังมีแนวทางที่จะตั้งบริษัทด้านนวัตกรรมด้วย
สำหรับโครงสร้างพนักงานปัจจุบันมี 20,000 คน หากหักลบกับผู้ที่จะเกษียณอายุอีก 1,200 คน ถ้าไม่รับเพิ่ม 4-5 ปี ก็จะเหลือพนักงาน 15,000 คน ถือเป็นจำนวนที่เหมาะสมจะขับเคลื่อนองค์กรในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
ทั้งนี้วันนี้ (12 พ.ย.) กฟผ.ได้จัดงาน EGAT Energy Forum 2019 ภายใต้แนวคิด “GO-Live INNOVATION : นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่า” โดยมีหน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (ไอพีพี) และขนาดเล็ก (เอสพีพี) ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเครือข่ายในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า เข้าร่วมงานกว่า 500 ราย
นายบุญญนิตย์ กล่าวว่า กฟผ. จัดงาน EGAT Energy Forum ต่อเนื่องเป็นประจำทุก 2 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2541 เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ ประสบการณ์ และแลกเปลี่ยนนวัตกรรมไฟฟ้า ระหว่าง กฟผ. และบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนไอพีพี และเอสพีพี
รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า มุ่งเน้นการส่งเสริมนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ในภาพรวมต่อประชาชนและประเทศ โดยเห็นถึงความสำคัญในการเตรียมรับมือกับความท้าทายใหม่จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี
โดยจัดห้องสัมมนา รวมจำนวน 31 หัวข้อสัมมนา เช่น Thailand First FSRU, New Challenge in Hybrid Firm : Hydro-Floating Solar นวัตกรรมพลังงานที่ผสมผสานระหว่างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, การปรับปรุงอุปกรณ์โรงไฟฟ้าพลังความร้อนบางปะกง หน่วยที่ 3 เพื่อเดินเครื่องด้วยน้ำมันปาล์มดิบ, EGAT-Universal Controller (EGAT-UNICON) อุปกรณ์ควบคุมแบบอเนกประสงค์, บริการ Power Plant Repowering เป็นต้น
