Economics

‘ปตท.สผ.’ เผยผลประกอบการ 9 เดือนกำไรโตพุ่ง 39%

“ปตท.สผ.” เผยไตรมาส 3/62 กำไรทะลุ 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนกำไรพุ่ง 3.7 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 39%

ปตท.สผ.

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนของปี 2562 ปตท.สผ.มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 4,572 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 143,115 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 15% จาก 3,960 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 127,434 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปี 2561 ปัจจัยสำคัญจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 335,696 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 300,338 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 12% เป็นผลจากการเข้าซื้อสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติมในแหล่งบงกช ซึ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อกลางปี 2561 และการเข้าซื้อกิจการของบริษัท เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเสร็จสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 46.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 46.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงเดียวกัน ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2562 ปตท.สผ.มีกำไรสุทธิ 1,185 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 37,182 ล้านบาท) สูงขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 851 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 27,372 ล้านบาท)

สำหรับต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 30.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 31.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปีก่อน

ส่วนผลประกอบการของไตรมาส 3 ปี 2562 นั้น ปตท.สผ.มีกำไรสุทธิ 358 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 11,019 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับ 315 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 10,401 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปี 2561 ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากโครงการมาเลเซียเช่นเดียวกัน

นายพงศธร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานซึ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 9 เดือนของปีนี้ เป็นการสะท้อนความสำเร็จจากการเข้าซื้อกิจการในประเทศมาเลเซีย ซึ่งส่งผลให้ ปตท.สผ.มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายปริมาณการขายเฉลี่ยของปี 2562 ซึ่งตั้งไว้ที่ 345,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

เมื่อการซื้อกิจการของบริษัท พาร์เท็กซ์ โฮลดิ้ง ซึ่งมีการลงทุนหลักอยู่ในตะวันออกกลางเสร็จสิ้น จะส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้นอีก นอกจากนี้ การเร่งพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมต่างๆ อยู่ในระยะสำรวจในประเทศมาเลเซีย เช่น แปลงเอสเค 410 บี จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตให้กับบริษัทในอนาคตอีกด้วย

ทั้งนี้ ในปี 2563-2564 ปตท.สผ. มีแผนจะเร่งการเจาะสำรวจในโครงการอื่น ๆ ในประเทศมาเลเซียที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อประเมินศักยภาพในภาพรวม และกำหนดแผนกลยุทธ์การพัฒนาที่เหมาะสมต่อไป

สำหรับแนวโน้มราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบในปี 2562 คาดว่าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60 – 65 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ส่วนสถานการณ์ LNG ในตลาดโลกยังคงอยู่ในสภาวะล้นตลาดไปจนถึงปี 2565 – 2566 ส่งผลให้ราคา LNG คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ โดยตลาดคาดว่าราคา Asian Spot LNG เฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 – 6.2 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู

Avatar photo