ปตท.ประเมินครึ่งปีหลังแนวโน้มผลประกอบการดี เหตุเข้าช่วงฤดูท่องเที่ยว ส่งผลความต้องการใช้น้ำมันเติบโต และ 3 โรงกลั่น เดินเครื่องเต็มพิกัด ส่วนโครงการแหลมฉบัง เฟส 3 รอสัญญาณคณะกรรมการฯ ระบุเป็นเรื่องท้าทายมีคู่แข่ง
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้คณะกรรมการบริษัทปตท. เห็นชอบจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้ ที่ 0.90 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 25,707 ล้านบาท
ทั้งนี้การที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันครึ่งปีหลัง ซี่งเป็นช่วงฤดูหนาวและฤดูท่องเที่ยวจะขยายตัว ส่งผลให้กำไรของกลุ่มโรงกลั่นเริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับไม่มีแผนการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ของกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทพีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับผลประกอบการปี 2563 แนวโน้มดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกน่าจะปรับตัวไปในทางที่ดี และความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีในอาเซียนยังขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่จะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 กำหนดกำมะถันในน้ำมันเตาของเรือเดินสมุทรไม่เกิน 0.5% ทำให้ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่ม
นายชาญศิลป์ กล่าวว่ากรณีที่ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ให้หน่วยงานต่างๆรวมถึงกระทรวงพลังงาน ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งอาจจะต้องมีการรื้อถอน เช่น ท่อส่งน้ำมัน สายส่งไฟฟ้านั้น ต้องหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าส่วนไหนต้องรื้อถอนบ้าง และต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสม แต่อาจไม่ต้องรื้อถอนทั้งหมด ต้องพิจารณาในรายละเอียด รวมถึงต้องคุยกับเอกชนอื่นๆด้วย เช่น บริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด เป็นต้น
ส่วนโครงการแหลมฉบัง เฟส 3 ที่ศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ที่ให้กลุ่มบริษัท ในนามกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี เป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอโครงการฯนั้น
ปตท.ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ กลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี ที่เข้าประมูลโครงการนี้ และผ่านการพิจารณาซองที่ 2 ไม่กังวล ถือเป็นเรื่องท้าทาย จากเดิมที่จะเหลือกลุ่มเดียว อย่างไรก็ตามอยู่ที่คณะกรรมการคัดเลือกฯจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะเปิดซองต่อไปหรือไม่
