Economics

ชี้ ‘ชิมช้อปใช้’ มาถูกทาง! มองหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,700 จุด

“ประธานสภาตลาดทุน” มองแนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 4/62 ขยายตัวดีขึ้น ชี้ “ชิมช้อปใช้” มาถูกทาง ประเมินเป้าหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,700 จุด

ไพบูลย์119622

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐจากความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ค่อนข้างชะลอตัว รวมถึงความกังวลต่อการเปิดสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและยุโรป หลังองค์การการค้าโลก (WTO) ลงมติเห็นชอบต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปวงเงิน 7,500 ล้านดอลลาร์และสหรัฐประกาศจะเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) วันที่ 18 ตุลาคมนี้ เป็นแรงกดดันต่อการลงทุนตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้านี้ให้ปรับตัวลดลง และส่งผลมายังตลาดหุ้นไทย โดยมองว่าระดับความรุนแรงไม่มาก และไม่ส่งผลกระทบกับไทยระยะยาว

ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาส 4/2562 มองว่ามีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น มองเป้า SET ปีนี้ 1,700 จุด ซึ่งขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าจะออกมามากน้อยขนาดไหน ส่วนตัวมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทยอยออกมา เช่น ชิมช้อปใช้ช่วงปลายปีนั้น มาถูกทางแล้ว เพราะต้องปลุกเศรษฐกิจปลายปีให้คึกคัก ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนต่อในระดับภูมิภาค หากจะคาดหวังดึงให้นักลงทุนมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภายในสิ้นปีนี้คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนตุลาคม 2562 ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เป็นเดือนที่ 2 เพิ่มขึ้น 8.64 % มาอยู่ที่ระดับ 111.62 ผลสำรวจพบว่านักลงทุนคาดหวังนโยบายภาครัฐ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และการไหลเข้าออกของเงินทุนระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน

ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมา คือ ภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยนักลงทุนสนใจลงทุนหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) และหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ(TOURISM) มากที่สุด

สำหรับทิศทางการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด คือ ความเชื่อมั่นปัจจัยในประเทศจากความคาดหวังนโยบายภาครัฐที่ทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด รองลงมา คือ ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและการไหลเข้าออกเงินทุน โดยนักลงทุนยังกังวลว่าสงครามการค้าสหรัฐและจีนจะยืดเยื้อ เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด

ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าจีนกับสหรัฐช่วงต้นเดือนตุลาคม แนวโน้ม Brexit ที่มีกำหนดเส้นตายวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางของกลุ่มประเทศอียู ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายทางการเงิน รวมถึงมาตรการ QE จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของภาครัฐ

Avatar photo