นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ก่ลาวถึงประเด็นเศรษฐกิจต่างประเทศ ที่สำคัญยังคงต้องติดตามการดำเนินมาตรการ ทางการค้าของสหรัฐ และการตอบโต้จากเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น จีน สหภาพยุโรป เม็กซิโก แคนาดา อินเดีย ตุรกี ยังมีความไม่แน่นอนว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
กกร. ประเมินว่าผลกระทบจากทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน และนานาประเทศ จะส่งผลกระทบที่จำกัดต่อการส่งออกของไทยปี 2561 ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความต่อเนื่อง จะยังคงเป็นแรงหนุนการส่งออก ช่วงที่เหลือของปีนี้ กกร.จึงปรับเพิ่มประมาณการส่งออกในปี 2561 เป็น 7-10% จากเดิม 5-8%
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองที่เพิ่มขึ้นของการส่งออก การท่องเที่ยว ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจไทยเริ่มได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการเติบโตของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากรายได้ของเกษตรกรที่เริ่มปรับตัวเป็นบวก น่าจะช่วยหนุนกำลังซื้อฐานรากให้ดีขึ้น และการลงทุนที่ทยอยฟื้นตัว กกร.จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี25 61 เป็น 4.3- 4.8% จากเดิม 4.0-4.5% และปรับกรอบอัตราเงินเฟ้อทั่วไปขึ้นเป็น 0.9-1.5% จากเดิม 0.7-1.2% เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ
ส่วนการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการอ่อนค่าของเงินบาทที่เกิดขึ้น หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) เดือนมิถุนายน 2561 ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ กกร.มองว่าตลาดการเงินได้รับรู้แนวโน้มดอกเบี้ยดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว
ดังนั้นคาดว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนน่าที่จะทุเลาลง เงินบาทน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย
แต่เนื่องจากมาตรฐานการบัญชีใหม่ (ไอเอฟอาร์เอส9) อาจมีผลกระทบต่อต้นทุนและการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อของผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหน ประเมินผลกระทบในภาพรวมของประเทศ กกร.จึงได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศึกษาวิจัยประเมินผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งนำเสนอมาตรการเยียวยา คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาวิจัย 4-6 เดือน จากนั้นก็จะนำผลการศึกษาวิจัยเสนอคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) และหน่วยงานที่ดูแลเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อใช้ในการพิจารณาวันประกาศบังคับใช้มาตรฐานต่อไป
