หลังจากเคอรี่ เอ็กซ์เพรส เร่งเครื่องบริการส่งเร็ว 3 ชั่วโมง เปิดจุดให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสา ล่าสุด ไปรษณีย์ไทย ร่วมวงโดดลงสนามส่งด่วน ส่งเร็ว ด้วยบริการ ส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น หวังจับใจลูกค้าอีคอมเมิร์ซ พร้อมขยายเวลาให้บริการ 24 ชั่วโมง 365 วัน และมอบส่วนลดค่าส่งจัดหนักกว่า 70% สำหรับลูกค้า COD
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในภาวะปัจจุบันที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ใช้บริการต้องการที่จะส่งสิ่งของให้ถึงปลายทางด้วยความรวดเร็ว ไปรษณีย์ไทยจึงได้ยกระดับคุณภาพบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในประเทศให้มีความรวดเร็วกว่าเดิมด้วยบริการ ส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ หากส่งภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใน 10.30 น. หรือ 11.00 น. ของจะถึงมือผู้รับปลายทางภายในวันเดียวกันไม่เกิน 18.00 น. และหากส่งจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายในเวลา 17.00 น. ของจะถึงมือผู้รับปลายทางทั่วประเทศในวันถัดไป ส่วนส่งจากภูมิภาคถึงปลายทางกรุงเทพฯ และปริมณฑล ของจะถึงมือผู้รับปลายทางในวันถัดไปเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังขยายเวลาให้บริการถึง 23.00 น. ที่ไปรษณีย์สามเสนใน ไปรษณีย์สำเหร่ ไปรษณีย์จรเข้บัว ไปรษณีย์นนทบุรี และพิเศษกับ “ไปรษณีย์ 24 ชั่วโมง 365 วัน” ที่เปิดให้บริการฝากส่งไม่มีวันหยุด ที่ไปรษณีย์เดอะสตรีท รัชดา ไปรษณีย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และศูนย์ไปรษณีย์ EMS หลักสี่ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ
ปัจจุบันมีปริมาณชิ้นงานที่ผ่านเข้าสู่ระบบไปรษณีย์กว่า 8,000,000 ชิ้นต่อวัน ผ่านไปรษณีย์กว่า 10,000 จุดให้บริการทั่วประเทศ ไปรษณีย์ไทยจึงไม่หยุดในการพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
พร้อมกันนี้ ยังได้จัดแคมเปญใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยขยายเวลามอบส่วนลดค่าฝากส่งสูงสุดกว่า 70% สำหรับผู้ใช้บริการส่งสิ่งของแบบเก็บเงินปลายทาง หรือ COD ผ่านระบบ Wallet@Post ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2562 สำหรับสิ่งของที่ฝากส่งที่มีพิกัดน้ำหนัก เกิน 500 กรัม – 2 กิโลกรัม ค่าบริการอยู่ที่ 55 บาท ส่วนน้ำหนักพิกัด เกิน 2 – 7 กิโลกรัม ค่าบริการอยู่ที่ 80 บาท และน้ำหนักพิกัดเกิน 7 – 10 กิโลกรัม ค่าบริการอยู่ที่ 100 บาท