Finance

ลงทุนยุค ‘ดอกเบี้ยขาลง’ ธุรกิจไหนได้ประโยชน์

เวลาที่อัตราดอกเบี้ยเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลง แน่นอนว่าย่อมกระทบต่อภาคธุรกิจไม่มากก็น้อยแตกต่างกันไปครับ เมื่อเป็นแบบนี้การวางแผนลงทุน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว

อย่างล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%  จากเดิม 1.75% เหลือ 1.5% ขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ส่งสัญญาณว่าครึ่งหลังของปีนี้ อาจมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน 

 

 

เงินบาท25262222

แน่นอนถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้อยู่ รวมทั้งผลจากความตึงเครียดของสงครามการค้าที่ขยายความรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยคงเป็นขาลงสักพักใหญ่เลยทีเดียว 

คำถามคือแล้วเทรนด์ที่เป็นขาลงของอัตราดอกเบี้ยแบบนี้ หุ้นกลุ่มไหนจะได้รับประโยชน์บ้าง ลองมาดูกันเลยครับ 

1.ธุรกิจลีสซิ่งและเช่าซื้อ

ปกติแล้วการคิดดอกเบี้ยของสถาบันการเงินที่เป็นธนาคารจะเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Float Rate) ต่างกับกลุ่มธุรกิจลีสซิ่ง-เช่าซื้อ ที่มักปล่อยสินเชื่อในอัตราคงที่ (Fixed Rate) เพราะฉะนั้น กลุ่มลีสซิ่งและเช่าซื้อ จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบ จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) เท่าไหร่นัก 

ที่สำคัญยังเป็นผลดีด้วยหากดอกเบี้ยเป็นขาลง เนื่องจากสังเกตได้ว่า ธุรกิจนี้จะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ในระดับสูง เพราะมีการกู้เงินจากธนาคารมาหมุนเพื่อปล่อยกู้ต่อให้รายย่อยต่อ ดังนั้น เมื่อดอกเบี้ยขาลง ย่อมทำให้ภาระหนี้สินลดตามไปด้วย

2.พัฒนาอสังหาริมทรัพย์

แน่นอนว่าต้นทุนดอกเบี้ย คือต้นทุนสำคัญของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกันช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง D/E Ratio ของธุรกิจจะลดลงตามไปโดยปริยาย

อีกทั้งยังได้อานิสงส์ต่อความรู้สึกของลูกค้า เพราะเมื่อดอกเบี้ยถูก คนก็มักจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยกันได้ง่ายขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพมูลค่างานในมือ (Backlog) สามารถโอนมาเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจริงคล่องตัวมากขึ้นด้วยนั่นเอง

ดอกเบี้ยบ้าน1

3.สื่อสารและสายการบิน  

คือ กลุ่มธุรกิจที่มีโครงสร้างการเงินเป็นจำนวนหนี้สูง เพราะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง ทำให้มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน ที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว อย่างไรก็ตาม ในยุคดอกเบี้ยขาลงพวกเขาจึงได้ประโยชน์จาก D/E Ratio ลดลง สามารถผ่อนคลายภาระไปได้ระดับหนึ่งทีเดียว

ด้านบริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST มองกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ว่า ควรเป็นไปแบบระมัดระวัง (Conservative) โดยสินทรัพย์ประเภทหุ้นควรเน้นลงทุนตลาดที่น่าสนใจและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะ 1 – 2 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบของเศรษฐกิจที่ชะลอการเติบโต

fig 15 08 2019 04 34 07

โดยมองว่ามีหุ้น 4 กลุ่ม ที่น่าสนใจและได้รับผลบวกโดยตรงจากการลดดอกเบี้ย คือ

– กลุ่มการเงิน ได้แก่ SAWAD, MTC 

– กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า ได้แก่ BGRIM, GULF 

– กลุ่มที่มีกระแสเงินสดดีและจ่ายปันผลสูง  ได้แก่ ADVANC, VGI , KKP, TISCO, DIF  

– กลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ BDMS  

สรุปแล้วการลดลงของดอกเบี้ยทั่วโลก แน่นอนว่าเมื่อมีบางกลุ่มได้ประโยชน์ ก็ต้องมีบางกลุ่มที่เสียประโยชน์ สุดท้ายเราคงต้องมาพิจารณากันให้ดีครับ ซึ่งการวิเคราะห์ไปถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ อย่างดี ก็จะทำให้เราเข้าใจและสามารถเห็นโอกาสในช่วงวิกฤตได้เร็วกว่าคนอื่น

Avatar photo