ธุรกิจไหนผู้เล่นในตลาดเยอะ การแข่งขันย่อมสูงตามปกติ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนในเวลานี้คงหนีไม่พ้น “ธุรกิจสายการบิน” แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือสายการบิน “บางกอกแอร์เวย์”ของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น BA
โดยงบไตรมาส 2 มีผลขาดทุนสุทธิ 693 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อนจากรายได้ที่ลดลง 4.2% สวนทางกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นถึง 7% เป็นผลกระทบมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตอย่างชะลอตัว การแข็งค่าของเงินบาท และคู่แข่งที่มีอยู่เดิมยังแข่งขันกันหั่นราคาเพื่อเพิ่มยอดขาย
อย่าไงรก็ดี แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมการบินยังไม่ฟื้นตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ BA ยังมีความน่าสนใจกว่าสายการบินอื่นๆ ก็คือเรื่องสินทรัพย์ที่แฝงอยู่ในตัวบริษัท สงสัยไหมครับว่าสินทรัพย์ที่ว่านั้น คืออะไร ? มาดูกัน
“ธุรกิจการบินครบวงจร”
BA ไม่ใช่ได้มีแค่ธุรกิจสายการบินบางกอกแอร์เวย์เพียงอย่างเดียว แต่ทำธุรกิจการบินแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งเป็นเจ้าของสนามบิน, สายการบินพาณิชย์, บริการเช่าเครื่องเหมาลำ, บริการกิจการภาคพื้นดิน, ธุรกิจอาหารในสายการบิน และบริการคลังสินค้าระหว่างประเทศ
รายได้ของบริษัท 100% จะมาจากธุรกิจสายการบินบางกอกแอร์เวย์ 67% ส่วนที่เหลืออีก 33% มาจากธุรกิจการบินอื่นๆ ที่กล่าวมานั่นเอง
จุดที่แตกต่างจากสายการบินอื่นมากๆ คือปัจจุบัน BA มีสนามบินที่บริหารด้วยตัวเองอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินเกาะสมุย สนามบินสุโขทัย และสนามบินตราด นอกเหนือจากนี้แล้วบริษัทยังมีกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินอีก 3 บริษัท คือ
– BFS Ground ให้บริการลูกค้าภาคพื้นดิน ลานจอด และอุปกรณ์ภาคพื้น
– Bangkok Air Catering ให้บริการครัวการบิน
– BFS Cargo ให้บริการคลังสินค้า
“ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลกรุงเทพ”
สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไปและลืมนึกถึง คือ BA เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BDMS บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 5.86% แถมยังถือหุ้นผ่านบริษัท บางกอกแอร์เวย์สโฮลดิ้ง จำกัด อีก 1.31% ทำให้รวมทั้งหมดแล้วเท่ากับ 7.71% คิดเป็นมูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท
แน่นอนเรื่องนี้เป็นมูลค่าแฝงสำคัญ ที่นักลงทุนบางส่วนอาจไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ความจริงแล้วมีความสำคัญทีเดียว เพราะอย่าลืม BDMS เป็นผู้นำธุรกิจโรงพยาบาลไทยและธุรกิจสุขภาพคือ เทรนด์อุตสาหกรรมในอนาคตอย่างปฏิเสธไม่ได้
เรื่องที่ต้องการจะสื่อก็คือ แม้เราอาจไม่ชอบอุตสาหกรรมที่บริษัททำอยู่ แต่หากสนใจอุตสาหกรรมที่เขาถือหุ้นอยู่ การเลือกลงทุนในหุ้นที่มีสินทรัพย์แฝง และราคาถูกกว่า ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้เช่นกัน (เป็นเพียงกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด)
“อนาคตของบางกอกแอร์เวย์”
บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) วิเคราะห์ทิศทางครึ่งปีที่เหลือของบางกอกแอร์เวย์ ว่าจะยังได้รับแรงกัดดันของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี บริษัทมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครในตลาด ทำให้ในอนาคตหากการท่องเที่ยวฟื้นตัวจะเป็นผลดีให้กับพวกเขามากที่สุด
สุดท้ายทางออกของธุรกิจสายการบินเวลานี้ อาจต้องมองหารายได้ทางอื่นมากขึ้น แทนที่จะหวังพึ่งรายได้จากไฟลท์บินเพียงอย่างเดียว เพราะที่ใดมีการแข่งขันรุนแรง ที่นั่นย่อมไม่เหลือกำไร ซึ่ง BA ก็คงทราบเรื่องนี้ดีกว่าใคร
ขอบคุณภาพปก: DestinAsian