เวทีประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานครั้งที่ 37 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ASEAN Ministers on Energy Meeting and Associated Meetings : 37th AMEM) ซึ่งจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการวันที่ 4 กันยายนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเวทีการประชุมประจำปีเท่านั้น แต่ในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพ AMEM ยังเป็นโอกาสที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพให้ประเทศต่างๆ เห็นถึงความพร้อมในการเป็นศูนย์เชื่อมโยงไฟฟ้าและก๊าซอาเซียนด้วย
ในการแถลงข่าวจัดการประชุม AMEM ครั้งที่ 37 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวถึงกรอบความร่วมมือหลักๆ ว่ามี 3 ด้าน คือ 1.ด้านความมั่นคงพลังงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญเพื่อทำให้แต่ละประเทศมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอต่อความต้องการ 2.ด้านราคาพลังงาน ที่ต้องมีความเหมาะสมต่อการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอาเซียน และ 3.ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีการหารือร่วมกันเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาด
แนวคิดของการประชุม AMEM ครั้งนี้คือ “Advancing Energy Transition Through Partnership and Innovation”การมุ่งเน้นความร่วมมือของกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ ในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนสามารถก้าวเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานที่มีความยั่งยืนในอนาคต
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุม ไทยมีถึง 3 บทบาทหลักในการเข้าร่วมประชุม คือ บทบาทแรก การแสดงบทบาทของไทยในเวทีอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนด้านพลังงานร่วมกันของภูมิภาค
บทบาทที่ 2 การเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทย ที่จะเป็นศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาคอาเซียน และบทบาทที่ 3 การตอบสนองของนโยบายของรัฐบาลด้านความมั่นคงด้านพลังงาน ที่มุ่งเน้นการจัดหาพลังงานให้ประชาชนเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม
โดยเฉพาะบทบาทด้านการเป็นจุดเชื่อมโยงทั้งไฟฟ้าและก๊าซของอาเซียน ประเทศไทยมีความพร้อมจากจุดแข็งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เป็น Land Link ที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับเพื่อนบ้านอาเซียนสามารถเชื่อมโยงการลงทุน เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการพลังงานในอนาคตได้ รวมทั้งอาศัยจุดแข็งที่มีอยู่ เช่น ภาคการเกษตรของไทย ที่สามารถพัฒนาและผลิตเป็นพลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่างๆ ความเป็นต้นแบบด้านพลังงานทดแทนในภูมิภาค ตลอดจนการเป็นผู้นำด้านก๊าซ เพราะไทยมีศักยภาพและความพร้อมในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านอุตสาหกรรมก๊าซ เครือข่ายของท่อก๊าซ และเครือข่ายหลักๆ ของประเทศที่ดำเนินการมายาวนานถึง 30 ปี
ทั้งนี้ AMEM ครั้งที่ 37 จะมีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมเรื่องการขยายปริมาณการซื้อขายไฟฟ้่าเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าพหุภาคีในโครงการลาว – ไทย – มาเลเซีย (LTM – PIP) จากเดิม 100 เมกะวัตต์เป็น 300 เมกะวัตต์เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่จะมีส่วนช่วยผลักดันบริบทของไทยไปสู่การเป็นศูนย์เชื่อมโยงไฟฟ้าอาเซียน เพื่อสร้างความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน
