“นายกรัฐมนตรี” ลั่นคนไทยต้องซื้อสัตย์ พร้อมสั่งเข้มตรวจสอบ “คนรวย” ถือ “บัตรคนจน”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการดำเนินการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ต้องมีการตรวจสอบใหม่อีกครั้งหนึ่ง ต้องตรวจสอบทุกปี ดังนั้น คนไทยก็ต้องซื่อสัตย์กัน เพราะมีการร้องเรียนมาว่าบางคนมีบ้าน มีรถ มีที่ดิน แต่ไม่มีบัญชีธนาคาร ต้องดูว่าจะเพิ่มมาตรการตรงไหนขึ้นมาได้บ้าง
“คนเราก็ต้องรู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันให้คนอื่นบ้างได้ไหม ภาษีต้องใช้ทำอะไรหลายอย่างด้วยกัน เพราะเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ ถ้านำไปใช้เรื่อยๆ คนอื่นจะแฮปปี้หรือไม่ ก็ต้องนำมาดูแลทุกคน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกระแสวิจารณ์มาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้านำเสนอเพียงว่ารัฐบาลอนุมัติอะไรก็จะตีกันอยู่ตรงนั้น ต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ในการนำเสนอข่าว โดยย้ำว่าผู้มีรายได้น้อยต้องได้รับการดูแล ผู้เสียภาษีต้องได้รับความเป็นธรรม ในการอำนวยความสะดวก การเข้าถึงโอกาส ซึ่งรัฐบาลก็ทำทุกมาตรการ ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการที่มีการเพิ่มวงเงินเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ให้เพียง 2 เดือน ไม่ได้ให้ตลอดไป
“เพราะต้องการให้จีดีพีไตรมาส 3 ส่งท้ายขึ้นไปหน่อย ก่อนจะถึงไตรมาส 4 ต้องดูเรื่องการใช้งบประมาณเป็นอย่างดี ถ้าเราเห็นไตรมาสไหนมันตก ต้องดูมาตรการว่าอะไรพอจะพยุงได้บ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ คำว่าเศรษฐกิจมีปัญหาต้องถามว่าหมายถึงเศรษฐกิจระยะสั้นใช่หรือไม่ที่มีปัญหา ดังนั้น ก็แก้ปัญหาระยะสั้นไป ส่วนระยะยาวก็แก้ปัญหาระยะยาวซึ่งกำลังเดินหน้ากันอยู่ในหลายเรื่อง มีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องต่างๆ ก็ทำให้ช้าออกไปอีก ดังนั้น ต้องแก้ปัญหาระยะสั้นก่อน
นอกจากนี้ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ก็ต้องปรับตัว รวมทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี ที่มีกว่า 3 ล้านราย ก็สามารถนำเข้าสู่ระบบได้เพียง 1 แสนรายเท่านั้น ด้วยความไม่พร้อม แต่เมื่อเอสเอ็มอีเป็นผู้ผลิตก็จำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อสร้างเอสเอ็มอี ที่มีคุณภาพในการผลิตสินค้า และยังมีกลุ่มสตาร์ทอัพ การลงทุนใหม่ๆ ภาคการเกษตรก็มีคนให้ข้อมูลมาว่า กลุ่มทำเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรพอเพียง ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการต่างๆ แต่โชคไม่ดีเนื่องจากฝนไม่ตกจึงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ
“ผมก็ต้องศึกษานะ เป็นนายกฯ ไม่รู้เรื่องไม่ได้หรอก หลายคนก็บอกว่านายกฯ ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องจะเป็นนายกฯ ได้ยังไง ใช่ไหม รู้จนไม่รู้จะยังไงแล้วเนี่ย โอเคนะ เข้าใจนะ” นายกฯ ระบุ
