บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (25 ก.ค.) ว่า หุ้นกลุ่มร้านอาหารที่มีผลประกอบการดีสุดของโลกในปีนี้ มาจากประเทศบ้านเกิดของ “ต้มยำกุ้ง” และ “ผัดไทย” แต่ “อาฟเตอร์ ยู” ของไทย ไม้ได้เป็นร้านขายอาหารขึ้นชื่อของไทย แต่เป็นร้านขายขนมหวาน
ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่มีมูลค่าทางตลาดอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์นั้น บลูมเบิร์กพบว่า ในปี 2562 ราคาหุ้นอาฟเตอร์ ยู ทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 3 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มร้านอาหารที่มีผลประกอบการดีรองลงมา อย่าง ไห่ตี้เหลา อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง เชนร้านฮ็อตพอทของจีน และชิโปเล เม็กซิกัน กริลล์ อิงค์ เชนร้านอาหารเม็กซิกัน พบว่า บริษัททั้ง 2 รายนี้ มีราคาหุ้นขยับขึ้นมาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของการขยับขึ้นของราคาหุ้นอาฟเตอร์ ยู
ปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง แสดงความเห็นว่า อาฟเตอร์ ยู มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก โดยมีพื้นฐานจากแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดท้องถิ่น และแผนการที่จะขยายกิจการในต่างประเทศ ซึ่งผลประกอบการที่บริษัทกำลังจะรายงานออกมานั้น จะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงระดับของศักยภาพขาขึ้นของราคาหุ้นบริษัท
การปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาหุ้นอาฟเตอร์ ยู ยังเป็นแรงหนุนอย่างเหมาะสม ที่ทำให้บริษัทกลายเป็นหุ้นตัวใหญ่สุดในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่ 2 ของไทย สำหรับธุรกิจขนาดกลาง และเล็ก ที่มีหุ้นจดทะเบียนอยู่ทั้งหมด 161 ราย
รายงานวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ระบุด้วยว่า กำไรจากธุรกิจหลักของอาฟเตอร์ยู ในไตรมาส 2 ของปีนี้ อาจเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และอาจเป็นไตรมาสที่ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในสินค้าประเภทซื้อกลับบ้าน ซึ่งราว 96% ของรายได้บริษัทเมื่อปีที่แล้ว มาจากยอดขายภายในร้าน รวมถึง การสั่งซื้อสินค้ากลับบ้าน ส่วนที่เหลือมาจากบริการจัดส่งอาหารนอกสถานที่ และการขายสินค้าตามอีเวนท์ต่างๆ
ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ อาฟเตอร์ยูเปิดสาขาใหม่ 10 สาขา ซึ่ง 4 สาขาในจำนวนนี้อยู่ตามศูนย์การค้า และพื้นที่อื่นๆ ในจังหวัดมีกำลังซื้อสูง ทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดสาขาต่างประเทศแห่งแรกที่ฮ่องกง ภายในสิ้นปีนี้ด้วย
