ถือเป็นการปรับตัวที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับกรณีของผู้ที่นำห้องพักมาให้เช่าตามแนวคิดของ Home-Sharing ในญี่ปุ่น โดยหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นผ่านกฎหมายบริการ Home-Sharing ไปตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนแล้วนั้น พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในหลายภาคส่วน
โดยตามกฎหมายดังกล่าว เจ้าของบ้าน หรือห้องเช่าจะต้องเก็บหลักฐานพาสปอร์ตของผู้เช่า และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ซึ่งหากเป็นการให้บริการในอดีต บางทีผู้เช่ากับผู้ให้เช่าอาจไม่ได้พบหน้ากันเลย โดยส่วนมากอาจจะเก็บกุญแจห้องเช่าไว้ในล็อคเกอร์และแจ้งรหัสเปิดล็อคเกอร์ผ่านแอพพลิเคชันแชท ดังนั้นจึงอาจมีผู้เช่าหลายคนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับกุญแจ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่
ผลก็คือเริ่มมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นอีกหนึ่งชั้น กับการให้บริการ “ช่วย” เจ้าของบ้านในระบบ Home-Sharing รับเก็บพาสปอร์ต และข้อมูลส่วนบุคคลอีกที ยกตัวอย่างเช่น บริษัท เฮียขุเซนเรนมะ บริษัทจากเซนได ที่จะคิดค่าบริการจากโฮสต์เจ้าของบ้านหรือห้องเช่าในอัตรา 8,000 เยนต่อห้องต่อเดือน สำหรับช่วยรับเช็คอินแทน โดยธุรกิจนี้จะเก็บข้อมูลพาสปอร์ต และส่งมอบกุญแจให้กับผู้เช่า
โดยสถานที่ที่จะใช้ในการเช็คอินนั้น ทางเฮียขุเซนเรนมะ จะใช้ “บอน โฮสเทล” ซึ่งเป็นธุรกิจของบริษัทในการรับเช็คอิน และส่งมอบกุญแจ โดยทางโฮสเทลจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด
บริการตัวกลางในลักษณะนี้ช่วยให้เจ้าของบ้าน โดยเฉพาะเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงสบายใจมากขึ้น เพราะมีการสำรวจโดยราคุเทน (Rakuten) พบว่า บรรดาเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงนั้นจะไม่ค่อยสบายใจหากต้องส่งมอบกุญแจให้กับผู้เช่าเองตัวต่อตัว และราคุเทนเองก็มีแผนจะเปิดตัวบริการในลักษณะเดียวกันนี้ในโอซาก้า แต่อาจเพิ่มบริการเช่น มีอาหารเช้าให้แขกที่มาพักกับโฮสต์ของทางค่ายรับประทานเข้าไปด้วย
ทั้งนี้ ร้านสะดวกซื้อเช่น แฟมิลี่มาร์ท และเซเว่น-อีเลฟเว่นของญี่ปุ่นเองก็ประกาศแผนให้บริการตู้อัตโนมัติสำหรับส่งมอบกุญแจให้กับบริการ Home-Sharing ภายในร้านสะดวกซื้อเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศใช้กฎหมาย Home-Sharing มีรายงานว่า Airbnb ได้ลบบ้านเช่าในระบบเนื่องจากไม่ยอมไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนกับทางการ จากเดิมที่เคยมีราว 62,000 แห่งออกไปจนเหลือประมาณ 13,800 แห่งเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Nikkei Asian Reviews
