“สนธิรัตน์” ยันใช้กลไกพลังงานลดภาระประชาชน เตรียมหารือคลัง ปรับโครงการ “ไฟฟ้าฟรี” ให้ถึงผู้มีรายได้น้อย-ป้องกันช่วยผิดกลุ่ม พร้อมเล็งดีเซล บี 20 เป็นน้ำมันหลัก หวังดูดซับซีพีโอประเทศ เผยตั้งคณะที่ปรึกษา ดึง “ดร.ศิริ” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมทีม
วันที่ 18 กรกฎาคม 2562 เวลา 15.39 น. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ถือฤกษ์เข้ากระทรวงเป็นวันแรก โดยเริ่มต้นสักการะที่ศาลพระพรหมประจำกระทรวง จากนั้นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่ากำลังตัังคณะที่ปรึกษามาช่วยทำงาน หนึ่งในนั้นคือ ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ส่วนท่านอื่นๆกำลังดูอยู่
เมื่อถามถึงแนวทางที่จะเข้ามาทำงานในกระทรวงพลังงาน เขา บอกว่า ความตั้งใจของเขา คือต้องการทำให้ประเทศไทยมีความยั่งยืน รักษาผลประโยชน์ประเทศ พี่น้องประชาชนมีความมั่นคงทางพลังงาน ขณะเดียวกันก็ต้องการให้กระทรวงพลังงานมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เป็นพลังงานของคนไทยทุกคน พร้อมกันนั้นเขาต้องการตอบโจทย์ประชาชนทั่วไป ที่จะได้รับการดูแลเรื่องพลังงานในการดำเนินชีวิต
เขา ย้ำว่า ทิศทางที่วางไว้คือ ประชาชนจะต้องรับราคาได้ทั้งราคาไฟฟ้าและน้ำมัน โดยมั่นใจได้ว่าจะมุ่งเน้นให้ประชาชนไม่รับภาระจากราคาพลังาน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบกาขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่แข็งแรง ที่จะต้องช่วยกันดูแล นี่คือ สิ่งที่ตนเองตั้งใจในการทำงานที่นี่
“จะดูแลเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้กลไกพลังงาน และนำพลังงานไปสู่ชุมชน สร้างรายได้ ลดภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ”
นายสนธิรัตน์ ตอบคำถามว่าจะทำอย่างไรกับภาพกระทรวงพลังงานที่ถูกมองว่า เป็นขุมทรัพย์ของผลประโยชน์ เขา บอกว่าไม่อยากให้มองอย่างนั้น ทำให้ผู้เกี่ยวข้องเสียใจ อย่างไรก็ตามตนจะแก้ไขสิ่งที่เข้าใจผิดดังกล่าว เพราะกระทรวงพลังงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะเป็นกลไกช่วยเหลือประชาชนได้ และจะทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้
ทางด้านราคาพลังงานจะมีนโยบายตรึงแค่ไหนอย่างไรนั้น มีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายประการ คงต้องดูสถานการณ์ แต่จะมุ่งเน้นการทำให้ประชาชนรับภาระได้ รวมถึงก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ก็ต้องดูด้วยเช่นกันว่าจะตรึงต่อไปที่ 363 บาทต่อถังขนาด 15 กก.ต่อไปหรือไม่อย่างไร
ในส่วนของดีเซล บี 20 ที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล หรือ บี 100 สัดส่วน 20% นั้น ตนอยากให้เป็นพลังงานหลัก เพราะจะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ของประเทศได้อย่างดี แต่ต้องดูผลกระทบให้รอบด้านก่อน
สำหรับค่าไฟฟ้าฟรีนั้น ก็เป็นส่วนที่จะต้องการจะดูด้วย เพราะยังมีมาตรการให้ค่าไฟฟ้าฟรีกับบ้านเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย โดยจะหารือกับกระทรวงการคลัง ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะปัจจุบันมีกลไกช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว แต่ก็ต้องหากลไกคัดกรองให้ไปถึงประชาชนที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ไม่ให้รั่วไหล
ทางด้านแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับปี 2018 คงต้องมีการรับฟังทุกภาคส่วน ว่ามีความเห็นเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามแผนนี้ต้องมุ่งเน้นเรื่องการคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ ความมั่นคงทางพลังงาน และต้องตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ด้วย
สำหรับคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ตีความตามรัฐธรรมนูญให้รัฐมีกำลังผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 51% และส่งเรื่องมาถึงกระทรวงพลังงานให้ดำเนินการนั้น เรื่องนี้มีทางออกแล้ว แต่จะขอปรึกษาภายในกระทรวงพลังงานก่อน ส่วนกรณีปัญหาการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณและบงกชนั้น เรื่องนี้จะต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย