Politics

‘พปชร.’ ยื่นศาลรธน.ขอจำหน่ายคดี 27 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ!!

“พปชร.” ยื่นศาลรธน.ขอจำหน่ายคดี 27 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ เหตุ 66 ส.ส.อนาคตใหม่ยื่นผิดรูปแบบทำเป็นหนังสือ ไม่ได้ทำเป็นคำร้อง

ทศพล เพ็งส้ม1

ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อ 27 ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาจำหน่ายคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ขอให้วินิจฉัยว่า ส.ส.ทั้ง 27 คนของ พปชร.ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นสื่อ พร้อมกันนี้ ขอให้ศาลไต่สวนว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอและมีมูลที่จะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ ทั้งนี้ หากศาลสั่งรับให้ไต่สวนว่าควรที่ศาลจะสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขอให้โอกาส ส.ส.ผู้ถูกร้องแสดงพยานหลักฐาน

นายทศพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบสำนวนพบว่า 66 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่ยื่นเรื่องนี้ต่อประธานสภาฯและประธานนำส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญมีการทำเป็นหนังสือ จึงไม่ถูกต้องตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ในมาตรา 7 (5) ว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นส.ส.สิ้นสุดลง และมาตรา 41 วงเล็บ 2 ต้องกระทำเป็นคำร้อง แต่อนค.ทำเป็นหนังสือ จึงเห็นว่าเมื่อการยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็สมควรว่าศาลจะจำหน่ายคดี

ทั้งนี้ ถ้าหากศาลเห็นว่าเรื่องดังกล่าวสามารถพิจารณาได้ก็ขอให้ศาลมีการไต่สวน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนพิจารณาว่ารับหรือไม่รับ เพราะเรื่องนี้เป็นการยื่นมาโดยไม่มีหน่วยงานใดรวบรวมพยานหลักฐานมีเพียงเอกสาร ทั้งที่วัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนบริษัทของ 27 ส.ส.พรรคพปชร.ไม่เหมือนกัน โดยที่ทั้ง 27 คนไม่ได้มีโอกาสชี้แจง แต่อยู่ๆก็มีคนเอาเอกสารมาแล้วบอกว่าคุณผิด ซึ่งต่างจากกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกร้องซึ่งผ่านการชี้แจงโต้แย้ง และหอบเอกสารมาเป็นลัง กรณีดังกล่าวประชาชนไม่เข้าใจ ก็จะคิดว่าเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วไม่เหมือนกัน เพราะกรณีของ 27 ส.ส.ไม่ได้ผ่านกระบวนสืบสวนสอบสวน รวบรวม พยานหลักฐาน และการชี้แจงไม่มีเลย เราจึงต้องการเพียงโอกาสในการชี้แจง และถ้าหากศาลไต่สวนและรับเรื่องไว้พิจารณา ก็ให้ไต่สวนอีกเพื่อให้พิจารณา ควรจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

“ที่ทางพรรคขอเช่นนี้ เพราะ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561เพิ่งออกมาใหม่พร้อมกับรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ที่ผ่านมาใช้ข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้กำหนด แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องของกฎหมายที่กำหนดวิธีพิจารณาคดีไว้ชัด ว่าอะไรที่ยื่นเป็นคำร้อง และอะไรยื่นเป็นหนังสือ ดังนั้นถ้าเราบอกว่าการยื่นคำร้องมันผิดแล้วมีการพิจารณาไป คำวินิจฉัยก็จะผิด ดังนั้นในเมื่อกระบวนการผิดก็ต้องทำให้มันถูกต้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรไม่ได้เลย และการขอไต่สวนก็เป็นการที่เราขอโอกาสพิจารณาคดีเหมือนของ ธนาธร เท่านั้นเองนั้นเอง” นายทศพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคำร้องที่ทางพรรคพปชร.ยื่นจะมีผลเฉพาะตัวกับ 27 ส.ส.เท่านั้น ไม่ได้มีผลไปเอื้อให้กับ ส.ส.รายอื่นที่ถูกร้องรายอื่นแต่ไม่ได้ยื่นคำขอไต่สวนหรือคุ้มครอง เว้นแต่ในประเด็นข้อกฎหมายถ้าศาลบอกว่าผิด ก็จะผิดไปทั้งหมด

Avatar photo