แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่าหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของผู้ที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ในที่ประชุมยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่า ใครจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงไหน เพียงแต่ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้ 7 รายชื่อที่จะไปรับตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นายนิพนธ์ บุญญามณี นายถาวร เสนเนียม นายสาธิต ปิตุเตชะ นายจุติ ไกรฤกษ์ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
สาเหตุที่การประชุมไม่สามารถเสนอชื่อได้เลยว่าให้ใคร เป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน เนื่องจากมีการอภิปรายกันมากในที่ประชุม จึงเป็นเพียงกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรี และได้มอบหมายให้นายจุรินทร์ และนายเฉลิมชัย เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ละคนเอง
แหล่งข่าว กล่าวว่าภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมกรรมการบริหารพรรค นายจุรินทร์และนายเฉลิมชัย ได้หารือร่วมกับผู้ใหญ่บางคนในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อวางตำแหน่งกระทรวงให้กับทั้ง 7 คน เพราะในส่วนของนายจุรินทร์และนายเฉลิมชัย มีความชัดเจนอยู่แล้ว
ผลจากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปในการวางตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคทั้ง 7 คน 8 ตำแหน่งดังนี้
1. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง 4 กระทรวง ประกอบด้วย
1. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
2.นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
3. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
4.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อย่างไรก็ตาม รายชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าจะมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรีวันนี้ (15มิ.ย.) เพื่อที่จะได้นำรายชื่อรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ไปรวมอยู่ที่นายกรัฐมนตรีทั้งหมด และเชื่อว่าจะไม่มีการแก้ไขรายชื่ออีก
แหล่งข่าว กล่าวว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มีหลายคนที่รู้สึกไม่พอใจ ไม่ถูกเสนอให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งๆที่เป็นส.ส.มาหลายสมัยแล้ว ทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ภายในพรรคและไม่พอใจต่อการเสนอชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ขณะเดียวกันบางคนมีการเสนอที่จะให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี กลับไม่ได้พิจารณา เพราะการคัดเลือก อ้างว่าต้องยึดความอาวุโส แต่หลายคนก็เห็นว่าตัวเองอาวุโสแต่กลับไม่ได้รับการพิจารณา
“บางคนที่ควรได้รับการเสนอชื่อแต่กลับไม่ได้รับความสนใจ ทำให้บางกลุ่มในพรรคเกิดความไม่พอใจ บางคนถูกเสนอชื่อให้ไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี แทนการรับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ก็ถูกปฎิเสธไป การคัดเลือกรัฐมนตรีรอบนี้ทำให้เกิดการวิพากวิจารณ์มากในพรรคประชาธิปัตย์” แหล่งข่าว กล่าว