Economics

น้ำมันพุ่ง!! ฉุดดัชนีเชื่อมั่นเดือนพ.ค.ร่วงมาอยู่ที่ 80.1

ธนวรรธน์ พลวิชัย1 1

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 80.1 ลดลงจากเดือนเมษายนที่อยู่ที่ 80.9 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ลดลงมาอยู่ที่ 66.9 จากเมษายนที่อยู่ที่ 67.8 โดยมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า

โดยในเดือนกรกฎาคมนี้ จะทบทวนจีดีพีปีนี้ใหม่ จากปัจจุบันคาดการณ์ที่ 4.4-4.5% โดยจะพิจารณาปัจจัยลบทั้งสงครามการค้าของสหรัฐ ที่ล่าสุดได้ปรับขึ้นอัตราภาษีในยุโรป และอเมริกาเหนือ รวมถึงราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันมาจากผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้กำลังซื้อทั่วไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศขยายตัวในระดับต่ำ นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า และการฟื้นตัวยังกระจุกตัวไม่กระจายทั่วภูมิภาค ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และรู้สึกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นช้ากว่าราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น จึงเห็นว่าค่าครองชีพทรงตัวในระดับสูง จึงระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการในเดือนนี้ อาจเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว เนื่องจากผู้บริโภคกังวลราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นใกล้ระดับจิตวิทยา คือ 30 บาทต่อลิตร ซึ่งระดับราคาน้ำมันเริ่มลดลงแล้ว ประกอบกับรัฐบาลส่งสัญญาณตรึงราคาน้ำมันไม่ให้ปรับตัวสูงเกินกว่าระดับดังกล่าว จึงต้องติดตามต่อไปว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมาปรับตัวดีขึ้นหรือไม่

“หากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแบบกระจายตัวมากขึ้นใมนไตรมาส 2-3 ของปีนี้ จะส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความมั่นใจในการบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ใกล้เคียงระดับ 4.5%” นายธนวรรธน์ กล่าว

ส่วนปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. รายงานเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ไตรมาสแรกของปีนี้ ขยายตัว 4.8% ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2560 ที่โต 4% และปรับตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี นอกจากนัก สศช.ยังได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 4.2-4.7% จากเดิมคาด 3.6-4.6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว การขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาครัฐที่อยู่ในระดับสูง การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ 8.9%

นอกจากนี้ ยังมีผลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีแรงส่งจากทั้งภาคต่างประเทศและอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับตัวดีขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเริ่มปรับสูงขึ้นด้วย

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า ดัชนีภาวะค่าครองชีพในปัจจุบันปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างรู้สึกว่าค่าครองขึ้นสูงขึ้นมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยดัชนีปรับลดลงมาอยู่ที่ 59.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 47 เดือน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 ขณะที่ดัชนีความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน มาอยู่ที่ 82.7 จาก 87

ด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงฟุตบอลโลก 2018 คาดจะมีเงินสะพัด 78,385.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อเทศกาลบอลยูโรในปี 2016 ที่มีเงินสะพัด 76,541.15 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการสำรวจคาดว่าคู่ชิงชนะเลิศอันดับ 1 คือ บราซิลกับเยอรมัน อันดับ 2 คือ อังกฤษกับสเปน อันดับ 3 คือ สเปนและเยอรมัน และกลุ่มตัวอย่าง 14.7% คาดว่า เยอรมันจะเป็นแชมป์ รองลงมาคือ 12.8% ที่คาดว่าอังกฤษจะเป็นแชมป์

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK