Marketing Trends

เจมาร์ทไตรมาสแรกฟื้น ติดเครื่องลุยต่อ ตั้งเป้าทำกำไรปีนี้ทุบสถิติสูงสุดครั้งใหม่

กลุ่มเจมาร์ท พลิกทำกำไร ชี้ช่วงขาดทุนปี 2561 เป็นการย่อตัวเพื่อกระโดดให้สูงขึ้น มั่นใจทั้งปีผลงานทุบสถิติที่เคยสูงสุด 490 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 118.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163.2% เทียบกับไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 186.4% เทียบกับไตรมาส 4/2561 สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มบริษัทฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยมีธุรกิจติดตามหนี้เป็นดาวเด่น

เจมาร์ท

สำหรับรายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 2,473 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากการขายในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ มีสัดส่วน 66.7% รายได้จากการให้บริการติดตามหนี้สินและบริการอื่นๆ สัดส่วน 26.4% รายได้ค่าเช่าและบริการ สัดส่วน 5.6% และรายได้จากการรับประกันภัย สัดส่วน 1.4% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับลดลง 25.3%จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากลูกหนี้ในบริษัทย่อยลดลง

นอกจากนี้ยังคาดว่า ผลประกอบการของกลุ่มเจมาร์ท จะดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2 และตลอดทั้งปีมั่นใจว่าจะสามารถพลิกเป็นกำไรในทุกบริษัท หลังจากในปี 2561 ที่ผ่านมา เจมาร์ทมีผลประกอบการที่ขาดทุน แต่ถือเป็นการย่อตัวที่พร้อมจะกระโดดให้สูงที่สุด จึงตั้งเป้าหมายในปี 2562 จะสามารถสร้างผลกำไรทุบสถิติใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ที่เคยทำไว้ในปี 2560 กำไรสุทธิอยู่ที่ 490 ล้านบาท

เมื่อแยกออกเป็นรายบริษัท พบว่า บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด เป็นธุรกิจเดียวที่คาดว่าการธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริม ในช่วงไตรมาส 2 จะทรงตัวจากไตรมาสแรก ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งเน้นการบริหารช่องทางการจำหน่าย เน้นการลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไรเป็นหลัก ควบคู่กับการจัดกิจกรรมการตลาดและเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงเพื่อกระะตุ้นตลาดมือถือ

เจมาร์ท3

ด้าน บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด หรือ ผู้ดําเนินธุรกิจทางด้านการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล แบรนด์ J Money สามารถพลิกทำกำไรได้ 9 ล้านบาทในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการคัดกรองคุณภาพลูกค้าดีขึ้น มีการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาการจัดเก็บหนี้ในชั้นปกติได้ในอัตราเฉลี่ย 97.56% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2561 มีอัตราเฉลี่ย 96.94% มีการจัดเก็บหนี้ที่ได้มีการตัดหนี้สูญ 13.7 ล้านบาท จากปัจจุบันลูกค้า 160,000 ราย มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยรวม 3,903 ล้านบาท ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีพอร์ตสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท

ในส่วนของ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มโดดเด่นต่อเนื่อง โดยเตรียมตัดมูลค่าเงินลงทุนของกองหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ครบในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้จากกองหนี้ดังกล่าวเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าภาพรวมเติบโต 50% ทั้งรายได้และกำไร ขณะที่ไตรมาสแรกที่ผ่านมามีรายได้รวมอยู่ที่ 546.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.7% กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้น 144.5 ล้านบาท เติบโต 24.5%

ฝั่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) สามารถทำรายได้ไตรมาสแรกที่ผ่านมา จากได้ค่าเช่าและบริการ 155.5 ล้านบาท ลดลง 5.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากการปิดสาขาไอที จังก์ชั่นที่ไม่สร้างกำไร และต้นทุนค่าเช่าและบริการลดลง 3.3% อยู่ที่ 134.8 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 21.2 ล้านบาท ปัจจุบันมีพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าไอที จังก์ชั่น 46 สาขา ศูนย์การค้าชุมชนแบรนด์ เดอะ แจส 3 สาขา มีร้านกาแฟ Casa Lapin และ Rabb Coffee รวม 17 สาขา

jasplace01

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายคอนโดมิเนียม Newera มูลค่าโครงการรวม 520 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมโอนให้กับลูกค้าบางส่วนภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และต่อเนื่องในปี 2563 พร้อมทั้งเริ่มก่อสร้างศูนย์การค้าแห่งใหม่ เดอะ แจส อมตะนคร  เจาะกลุ่มลูกค้าย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการต้นปี 2563

ปิดท้ายด้วยบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย ในไตรมาสแรกมีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.7% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 185 ล้านบาท รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ อยู่ที่ 603.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.99% เมื่อเทียบกับรายได้รวมของปีก่อนที่ 580.23 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเติบโตของดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อ และเงินให้กู้ที่เพิ่มขึ้นจาก 136 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็น 191 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 40.6%

Avatar photo