ซีอีโอปตท. โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจง 8 ข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องการขายน้ำมันแพง และการผูกขาดตลาด ยืนยันมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ และไม่มีการปลดพนักงานตามที่มีข่าวออกมา
นายเทวินทร์ วงศ์วาณิช ซีอีโอ บมจ.ปตท. โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Tevin at PTT” โดยใช้หัวข้อว่า “หยุดเติมน้ำมัน ปตท.” อารมณ์ เหตุผล หรือเจตนาแอบแฝง?
ซีอีโอปตท.ระบุว่า ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นถึง 20% ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน ดีเซล และแอลพีจีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกด้วยเช่นกัน ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ มีค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น
ผู้ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้คือประเทศผู้ส่งออกพลังงาน ซึ่งก็เคยประสบปัญหารายได้หายไปเมื่อราคาพลังงานดิ่งลงตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว เป็นวัฏจักรที่มีการขึ้นลงเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ และมี lead time นาน
คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจธุรกิจพลังงานและกลไกตลาดโลก จึงเริ่มมองหาจำเลยที่จะระบายความโกรธแค้นที่ต้องเดือดร้อน ใกล้ตัวที่สุดคือผู้ค้าขายน้ำมัน โดยเฉพาะ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ค้าสำคัญในประเทศไทย จนถึงขั้นมีขบวนการรณรงค์ให้หยุดเติมน้ำมัน ปตท. และบิดเบือนต่ออีกว่า ปตท. ก็ไม่เดือดร้อนเพราะขายน้ำมันต่างประเทศเป็นหลัก
เขาบอกด้วยว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อปตท. นั้นไม่ตรงกับความจริง พร้อมกับขอบคุณคนที่ออกมาอธิบาย และเตือนสติการใช้อารมณ์เกาะตามกระแสที่จะสร้างความเสียหายกับประเทศ
” ข้อเท็จจริงต่างๆ เหล่านี้ ได้มีการชี้แจงกับสังคมมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีขบวนการที่ตั้งใจโจมตีปตท.มาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ต้องคิดต่อว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง เขาไม่เข้าใจพื้นฐานของอุตสาหกรรมพลังงานจริงๆ หรือ ใครได้ประโยชน์อะไรจากการที่ทำให้บริษัทพลังงานของชาติเสียหายและอ่อนแอลง เราจะลงโทษพวกที่ชอบสร้างกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย จากความเท็จ หรือพูดจริงครึ่งเดียวยอย่างไรดี”
นายเทวินทร์ ระบุว่า เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อจุดประกายให้คนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี จะหยุดเติม ปตท. ตามกระแส หรือตั้งสติ ใช้ปัญญา พิจารณาเหตุผล และแชร์ข้อเท็จจริงในเครือข่าย ตามที่เห็นว่าเหมาะสม หรือปกป้องสังคม ด้วยการประจานและต่อต้านผู้ที่มีเจตนาแอบแฝง
“สิทธิในการเลือกเป็นของทุกคนครับ ขอให้เลือกโดยใช้ปัญญาวิเคราะห์ข้อเท็จจริงด้วยเหตุและผล เพื่อประโยชน์ส่วนรวมนะครับ”
ในตอนท้าย นายเทวินยืนยันว่า เขาและชาว ปตท.ทุกคน ตั้งใจทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของคนไทยอย่างยั่งยืน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แคร์คนไทย และจะปลดพนักงาน ตามที่มีเพจลงข้อความที่เป็นเท็จ
ข้อกล่าวหา 8 ประเด็น
1. ปตท. ขายน้ำมันแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ตอบ: มีทั้งแพงกว่าและถูกกว่า
- เมื่อเปรียบเทียบราคากับเพื่อนบ้าน มาเลเซียต่ำที่สุด สิงคโปร์สูงที่สุด ในขณะที่ประเทศอื่นๆใกล้เคียงกับไทย
- ปัจจัยของราคาขายปลีกคือ ต้นทุนเนื้อน้ำมันและค่าการตลาดของผู้ค้าที่จะไม่ต่างกัน ที่แตกต่างมากคือภาษีที่แต่รัฐบาลแต่ละประเทศกำหนด
- มาเลเซียมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซมาก จึงแทบไม่เก็บภาษีผู้ใช้ในประเทศ
- สิงคโปร์เก็บเยอะ เพราะต้องการจำกัดการใช้รถยนต์
- ไทยและประเทศอื่นๆเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน จึงเก็บภาษีสรรพสามิตมาเป็นงบรัฐ สำหรับสร้าง/ซ่อมถนน และพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้คนส่วนใหญ่
- สำหรับราคาในประเทศไทย ปั๊ม ปตท. ไม่เคยสูงกว่าปั๊มต่างชาติ และจะต่ำกว่าเป็นบางวัน
2. ปตท. ส่งออกน้ำมันถูกกว่าที่ขายในประเทศ
ตอบ: ราคาส่งออกใกล้เคียงกับราคาหน้าโรงกลั่นที่ขายในประเทศ
- ราคาที่ ปตท. ส่งออกเป็นราคาตลาดในภูมิภาค ซึ่งจะสะท้อนราคาเนื้อน้ำมันเป็นหลัก ยังไม่รวมภาษีสรรพามิต
- เพื่อนบ้านที่ซื้อไป ก็ขายที่ปั๊มในราคาที่สูงขึ้น เพราะต้องบวกภาษีในประเทศเขา
- สิงคโปร์ ซึ่งนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่น ก็ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปในราคาที่ต่ำกว่าที่ขายในประเทศเช่นกัน
3. ปตท. แอบขึ้นราคาน้ำมันต่อเนื่อง โดยไม่บอกประชาชน
ตอบ: ไม่จริง
- การขึ้นราคาขายปลีกในประเทศเป็นไปตามราคาตลาดโลก
- ไทยมีโรงกลั่นเอง แต่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่น
- ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา น้ำมันดิบโลกมีราคาสูงขึ้น 20 %
- ปตท.ปรับราคาขายปลีกเท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาค่าการตลาดประมาณ 1.60-1.80 บาทต่อลิตร
- ตั้งแต่ 6 เมษายน ปตท. ปรับขึ้นราคา 6 ครั้ง ราคาต่ำกว่าปั๊มต่างประเทศรวม 9 วัน
- ในอดีต ปตท.เป็นหนึ่งในผู้ค้าไม่กี่รายที่ประกาศการปรับราคาล่วงหน้าเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค
- ตั้งแต่ 26 เมษายน กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือผู้ค้าทุกรายไม่ให้ประกาศล่วงหน้าเพื่อสร้างการแข่งขันด้านราคา ปตท. จึงปฏิบัติตาม โดยไม่มีเจตนาปิดบังแต่อย่างใด
- ปัจจุบัน กระทรวงพลังงานได้ผ่อนผันเรื่องนี้ ปตท.จึงกลับมาประกาศล่วงหน้าสำหรับการปรับราคาลงในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้
4. ปตท. กำไรเยอะ จากการผูกขาดขายน้ำมันแพง
ตอบ: ไม่จริง
- ธุรกิจค้าขายน้ำมันเป็นตลาดเสรี มีผู้ค้ามากมายกว่า 30 ราย แต่ละรายมีสิทธิตั้งราคาเอง
- ค่าการตลาด 1.60-1.80 บาท/ลิตร แบ่งให้ Dealers เจ้าของปั๊มแล้ว ยังไม่คุ้มค่าการลงทุน ทุกปั๊มจึงต้องเปิดร้านสะดวกซื้อและร้านค้าอื่นเพิ่มขึ้นเพื่อหารายได้เสริม
- กำไรทั้งหมดของปตท.มาจากธุรกิจน้ำมันเพียง 10 % ที่เหลือเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนจำนวนมากในธุรกิจก๊าซ สำรวจและผลิต โรงกลั่นและปิโตรเคมี
- ณ สิ้นปี 2560 ปตท. มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น (Total Assets) 2.23 ล้านล้านบาท มีกำไร 135,000 ล้าน คิดเป็นผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) 6 % ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของการทำธุรกิจทั่วไป
5. ปตท. ผลิตก๊าซและน้ำมันในประเทศมากมาย ควรเอามาอุดหนุนราคา
ตอบ: ไม่ควร
- เพราะ ปตท.สผ. (บริษัทลูกของ ปตท.) มีสัดส่วนการผลิตก๊าซและน้ำมัน 30% ของผู้ผลิตในประเทศ เทียบเท่าเพียง 10% ของการใช้พลังงานทั้งหมด
- รายได้จะไม่เพียงพอที่จะนำมาอุดหนุนราคาได้อย่างมีนัยสำคัญ
- นอกจากนั้นยังต้องสำรองรายได้สำหรับการขยายการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต
6. คุณภาพน้ำมันและบริการของ ปตท. ต่ำกว่ามาตรฐาน
ตอบ: ไม่จริง
- ปตท. พัฒนาคุณภาพน้ำมันสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป ทั้งเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ปตท. เป็นผู้นำด้านการสรรหาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวก ปลอดภัยของลูกค้า
7. ปตท. มุ่งแต่ทำกำไร ไม่เคยช่วยเหลือสังคม
ตอบ: ไม่จริง
- ปั๊ม ปตท. เปิดพื้นที่ให้เกษตรกร ชาวนา ชาวสวนนำผลิตภัณฑ์มาวางขายตรงให้ลูกค้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
- ปั๊ม ปตท. จัดกิจกรรม เช่น ห้องน้ำ 20 บาท โครงการแยกขยะ เพื่อนำรายได้ไปช่วยสถานศึกษาในชุมชน
- ปตท. ตั้งบริษัท Social Enterprise เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนให้สร้างรายได้ร่วมกับธุรกิจของปตท.
- ปตท. ร่วมกิจกรรมดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ปลูกป่า หญ้าแฝก รางวัลลูกโลกสีเขียว โรงเรียนวิทยาศาสตร์กำเนิดวิทย์ สถาบันวิทยสิริเมธี ป่าในกรุง ฟื้นฟูคุ้งบางกะเจ้า จัดประกวดศิลปกรรม ปตท. ทุกปี สนับสนุนสมาคมกีฬา 5 ประเภท ทำโครงการ Pride of Thailand
8. นายทุน / นักการเมือง เป็นเจ้าของ ปตท.
ตอบ: ไม่จริง
- รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการคลังและกองทุนวายุภักษ์ ถือหุ้น ปตท. ประมาณ 63.5 %
- อีก 32 % ถือโดยสถาบันการเงิน/กองทุน
- ที่เหลือ 4.5 % คือนักลงทุนรายย่อย
‘ปตท.’เตรียมเอาผิดคนกุข่าวมั่วบิดเบือนความจริง!!
ปตท.หั่นค่าการตลาดลดผลกระทบน้ำมันแพง