Lifestyle

สารพัดทุกข์!! ‘ครูติ๋ว นันทนา’ นักบำบัดความเครียด ช่วยได้

สิ้นเสียงแผ่วเบา ของ Crystal Singing Bowls คือ คำ “ขอบคุณ” ของผู้คน หลังได้รับคำปรึกษา จาก ครูติ๋ว “นันทนา ฐิติจิรัฐิติกาล”  Inner Coaching

หลายคนขนามเธอว่า “นักบำบัดความเครียด” แม้ครูติ๋วอยู่ในภารกิจนี้ได้ไม่นาน เพียง 5 ปี แต่มีคนนับร้อยที่เธอให้คำปรึกษา จากหลากหลายอาชีพ ทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง ชาวออฟฟิศ อาจารย์ คุณหมอ ไปถึงผู้บริหาร และซีอีโอบริษัทดัง

IMG 20190406 101452

คำถามเกิดขึ้นในใจทันที ว่าอะไรนำพาผู้คนมาหาเธอ ครูติ๋ว เล่าว่า มีความเครียด 3 อย่างที่มนุษย์ต้องพบเจอ ใครเจอเป็นต้อง “ย่ำแย่” และหาคนช่วย

  • เครียดจาก ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว กับคนรัก เพื่อนร่วมงาน หรือ เจ้านายกับลูกน้อง แม้แต่ความสัมพันธ์กับตัวเอง
  • เครียดจากปัญหาสุขภาพ
  • เครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ

เหล่านี้ทำให้คน “อยู่” หรือ “ตาย” ได้เลยทีเดียว อย่างที่ปรากฎเป็นข่าวการตัดสินใจฆ่าตัวตายของคนทั่วโลก รวมถึงคนไทยเองที่ฆ่าตัวตายมากขึ้น

ครูติ๋ว บอกว่า คนที่มาบำบัดกับเธอ มีแตกต่างหลากหลาย บางคนพ่อแม่พาลูกมา เพราะลูกติดเกมหนัก ไม่ยอมไปโรงเรียน บางคนลูกพาพ่อแม่มา เพราะบ้านกำลังแตก บางคนถูกคนรัก “เท” หรือ บางคนเครียดจากการทำ “งาน” ที่สะสมมานาน หรือแม้แต่ผู้บริหารบริษัทใหญ่โต ก็เครียดได้ เพราะสับสน หาตัวเองไม่เจอ และซีอีโอบางคน เครียดเพราะต้องปั่นยอดขายให้สูงขึ้น

LINE P20190412 232305128

เทคนิคการบำบัดความเครียดของครูติ๋ว มีหลายอย่าง เช่น

1.ฟังเขาเล่าปัญหา และสิ่งคาใจ แล้วค่อยๆพาไปเห็นมุมมองใหม่

2.ใช้ Crystal Singing Bowls สีรุ้ง ประจำกายของเธอทั้ง 7 ใบ ขนาดลดหลั่น เคาะไปมาตามจังหวะ เสียงจาก Bowls เกิดคลื่นความถี่ต่ำ ช่วยปรับคลื่นในใจ “คน” ที่กำลังว้าวุ่น

3.การ Trance  หรือ การนำพาไปสู่สภาวะสงบ เกิดจากการกระตุ้นในระดับจิตใต้สำนึก เพื่อคลายปมส่วนลึกในใจ

เธอ บอกว่า มนุษย์มีความซับซ้อน แต่ละคนมีปัญหาแตกต่าง ต้องใช้เครื่องมือแตกต่างกันด้วย บางคนแค่ “ฟัง” ให้ได้ยินในสิ่งที่เค้า ไม่ได้พูดด้วย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุ

บางคนต้องปรับคลื่นด้วย เพื่อเรียง “คลื่นในใจใหม่” แต่บางกรณีต้อง Trance เพราะหลายปัญหามาจาก “ปม” ลึก ที่ไม่มีใครรู้แม้แต่เจ้าตัว

IMG 20190406 122431

ศาสตร์ของเธอที่ร่ำเรียนมาหลายหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็น Psychology ,Time Line Therapy ,Hypnotherapy ,Neuro-Linguistic Programming ,Psychotherapeutic ,Life Coach ,Past life Therapy ,Regression Therapy ,Cognitive Behavior Therapy ,Personal life Human ralation ,Inner Coach ,Holistic Healing

ทั้งหมดถูกนำมาผสมผสาน และปรับใช้ได้ตั้งแต่ ปัญหา “เบา” ๆ เรื่องความสับสนตัวเอง การสร้างแรงบันดาลใจ การเปลี่ยนใจคนให้ทำสิ่งที่ควรทำ ไปจนถึงทำให้คนกลับใจไม่ฆ่าตัวตาย

ยกตัวอย่าง ที่เธอแก้ปัญหาให้กับผู้บริหารคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบเพศไหน ทำให้บุคลิกภาพออกมาไม่ชัดเจน กลายเป็นคนไม่มั่นใจ ไปปรับบุคลิกภาพราคาแพงที่ไหนก็แก้ไม่ได้ เมื่อได้เข้ากระบวนการบำบัด จึงรู้สาเหตุ ว่ามาจากชอบเพศเดียวกัน นำไปสู่การให้คำปรึกษาต่อเนื่อง เรื่องการแต่งกายที่เหมาะสมกับหัวใจ กลายเป็นผู้บริหารที่มั่นใจ เพราะจริงๆแล้วยุคสมัยนี้ก็ยอมรับในเรื่องความหลากหลายทางเพศอยู่แล้ว

และบางครั้งเธอก็ไปเป็นวิทยากรให้กับสถานพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน กับกลุ่มเด็กที่กระทำผิด เพื่อให้เด็กได้ออกไปเผชิญโลกอย่างกล้าหาญในทางที่ควร

ปัญหาของผู้คน แม้จะรู้ดีว่ามีทางแก้ไข หรือทางออกอย่างไร แต่เดินไปไม่ได้ เพราะ สมองตีบตัน คิดไม่ออก และหมดแรงที่จะเดินต่อไป การ “ฟัง” อย่างลึกซึ้ง ผสมผสานการใช้คลื่นความถี่จาก Bowls และการเลือกใช้เครื่องมือในการบำบัด  ทำให้ผู้คนที่กำลังว้าวุ่น “สงบลง สติ กลับคืน ตระหนักรู้ และ มีพลัง “ ทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ปัญหาคลี่คลาย

“ครูไม่ได้บอกเขาให้ทำอะไร แต่เขาจะรู้ด้วยตัวเองว่า ต้องจัดการกับความคิดตัวเองอย่างไร  หลังเขาสงบลง จะเกิดมุมมองใหม่ เช่น โดนคนรักทิ้ง เขาก็อาจคิดได้ว่า หากคบต่อไป ก็อาจไปไม่รอด  หรือ ลูกที่ติดเกม รู้ว่าพ่อแม่รัก พ่อแม่ก็ให้เวลากับลูกมากขึ้น เด็กก็เลิกติดเกม เป็นต้น”

หลังการให้คำปรึกษาของเธอ จึงมีแต่คำ “ขอบคุณ” ที่ทำให้เขาไม่ฆ่าตัวตายไปเสียก่อน บางคนปมปัญหายังอยู่ เช่น ปัญหาครอบครัว แต่ทุกคนได้ระบายความในใจออกมา โดยมีเธอเป็นผู้ฟัง และปรับความเข้าใจกัน นำไปสู่การแก้ปัญหาของครอบครัวนั้น ที่ใครอื่นก็แก้ให้ไม่ได้

“ในส่วนของการบำบัดนั้น มีทั้งเจอตัวกัน หรือวิดีโอคอล เพื่อลดเวลาเดินทาง และทำให้การบำบัดต่อเนื่องตามโปรแกรม ทำให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ”

หรือซีอีโอต้องการพัฒนาองค์กร รู้อยู่ว่าต้องทำอะไร พอ “สงบ” และ “ได้มุมมองใหม่”  ก็รู้ว่าต้องไปจัดการอย่างไรบ้าง ส่วนคนป่วยที่เคยให้คำปรึกษา ก็ตระหนักรู้ว่าตัวเองต้องปรับพฤติกรรม หรือวิถีชีวิตอย่างไร แทนที่จะกินแต่ยา เช่น เป็นโรคหัวใจ ไปหาหมอก็จัดยาหัวใจ รักษาไปตามอาการ แต่จริงๆแล้วอาจไม่ต้องกินยา เพื่อเพิ่มโรคจากผลข้างเคียง แค่ปรับจิตใจใหม่ ทำให้ตัวเองมีความสุข และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไปซ้ำเติม โรคก็บรรเทาได้  หรือ คนทำงานมีปัญหาเครียดจากหัวหน้างาน พอมีความรู้สึกตัวก็เกิดมุมใหม่ว่า หัวหน้าก็อาจถูกแรงบีบมา และให้อภัยกัน เป็นต้น แทนที่จะอยู่กับมุมมองเดิมๆ

youth 570881 640

นอกจากนี้ครูติ๋ว ยังให้คำปรึกษากลุ่มในองค์กรด้วย เพื่อสร้างองค์กรแห่งสุข เป็น  Happy Workplace หรือ Work-Life Balance เพื่อให้คนในองค์กรมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ซึ่งหลายองค์กรเห็นความสำคัญ เนื่องจากการที่พนักงานมีความสุขในการทำงาน กลับไปบ้านก็ส่งต่อความสุขให้คนในครอบครัว

“แค่ปรับความคิด ชีวิตก็เปลี่ยนได้ แค่คลายด้ายที่ยุ่งอยู่เท่านั้น ปัญหาก็คลี่คลาย อย่าลืมทุกทางเข้า มีทางออกเสมอ “ ครูติ๋ว ฝากทิ้งท้าย พร้อมกับเชิญชวนให้ผู้มีทุกข์ และต้องการทางออก ลองเข้าไปติดตาม Page 7Life  www.7life.in.th ของเธอ

Avatar photo