จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษ ของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 13 มี.ค. 62 มีผู้ป่วยแล้ว 22,037 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต พบอัตราป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี รองลงมากลุ่มอายุ 25-34 ปี และอายุมากกว่า 65 ปี ตามลำดับ ส่วนใหญ่พบผู้ป่วยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ
สำหรับรายงานเหตุการณ์พบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเป็นกลุ่มก้อน จำนวน 15 เหตุการณ์ พบมากสุดในโรงเรียน 7 เหตุการณ์ รองลงมาเป็นสถานที่ราชการ 2 เหตุการณ์ อาหารสงสัยที่เป็นสาเหตุ ส่วนใหญ่ มาจาก 4 รายการ ดังนี้ 1.ข้าวมันไก่ 2.ข้าวผัด 3.อาหารที่มีส่วนประกอบของกะทิ 4.น้ำแข็งที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การพยากรณ์โรค และภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงอากาศร้อน อาจทำให้อาหารบูด หรือเน่าเสียได้ง่าย อาการของผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ จะมีอาการดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
- ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ มากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
- ปวดศีรษะ
- คอแห้ง กระหายน้ำ
ในรายที่มีอาการถ่ายอุจจาระมากๆ ผู้ป่วยอาจช๊อคหมดสติได้ สำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น ควรให้จิบสารละลายเกลือแร่ โอ อาร์ เอส บ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ และหากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่าในการป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ ขอให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน ไม่รับประทานอาหารแบบสุกๆ ดิบๆ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำ และสบู่ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร รวมถึงก่อนและหลังการเตรียมอาหาร และหลังขับถ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422